เฟดเตือนวิกฤตธนาคารขนาดเล็กเสี่ยงทำภาคธุรกิจขนาดย่อมสะดุดตาม

นายฟิลิป เจฟเฟอร์สัน หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เหตุการณ์ที่ผู้ฝากเงินโยกย้ายเงินฝากออกจากธนาคารขนาดเล็กไปยังธนาคารขนาดใหญ่นั้น ได้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อธุรกิจขนาดเล็กที่ส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาธนาคารขนาดเล็กและธนาคารระดับภูมิภาคในการอนุมัติสินเชื่อ

“เรามุ่งเน้นการสนับสนุนเศรษฐกิจมหภาค และขณะนี้เราได้รับข้อมูลว่ามีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะชะงักงันกับภาคธุรกิจ หากกลุ่มผู้ฝากเงินพากันโยกย้ายเงินฝากของตนเองออกจากธนาคารขนาดเล็ก”

“เมื่อไม่นานมานี้ ภาคธนาคารได้เผชิญกับแรงกดดันที่เป็นเหตุให้เงินฝากของธนาคารขนาดเล็กลดลง และเรากำลังจับตาเรื่องนี้ เรากังวลว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อธุรกิจขนาดเล็ก ในขณะที่เราเองต้องการที่จะสนับสนุนธนาคารขนาดเล็กและธนาคารระดับภูมิภาคให้มีความแข็งแกร่ง” นายเจฟเฟอร์สันกล่าว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การแสดงความเห็นของนายเจฟเฟอร์สันสะท้อนให้เห็นว่า การล้มละลายของซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) และซิกเนเจอร์ แบงก์ (SB) มีผลต่อการตัดสินใจของเฟดในเรื่องของการใช้นโยบายการเงินเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ ในขณะที่เฟดเองก็มีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%

วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในภาคธนาคารส่งผลให้เกิดความกังวลว่าอาจจะทำให้การปล่อยสินเชื่อชะลอตัวลงเป็นวงกว้าง เนื่องจากธนาคารมีความระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารขนาดเล็กที่ถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการแห่ถอนเงิน หรือ bank run หลังการล่มสลายของ SVB

เฟดเปิดเผยข้อมูลในวันศุกร์ (24 มี.ค.) บ่งชี้ว่า เงินฝากธนาคารในสหรัฐ ลดลง 9.84 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 17.5 ล้านล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 มี.ค. โดยยอดเงินฝากที่ธนาคารขนาดเล็กนั้นร่วงลง 1.20 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดฝากของธนาคารขนาดใหญ่ที่สุด 25 แห่งเพิ่มขึ้นเกือบ 6.7 หมื่นล้านดอลลาร์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 มี.ค. 66)

Tags: , , , , ,