ผลการศึกษาของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโกระบุว่า อุณหภูมิที่ร้อนจัดมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ เนื่องจากประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลงของคนงานก่อสร้าง และการลงทุนที่ลดลง
ผลการศึกษาดังกล่าวซึ่งตรวจสอบผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสต็อกทุน (capital stock) หรือมูลค่าของการลงทุนสะสม (accumulated investment) เปิดเผยให้เห็นว่า ภาคการก่อสร้างมีแนวโน้มที่จะบ่งชี้ถึงความเปราะบางโดยรวมของภาคการผลิตของสหรัฐต่อสภาพอากาศที่ร้อนจัด เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อผลผลิตทางเศรษฐกิจ และมีคนงานที่ทำงานกลางแจ้งจำนวนมาก
นายเกรกอรี เคซีย์, นางสเตฟี ฟรีด และนายแมทธิว กิบสัน ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ระบุในรายงานที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของเฟดเมื่อวันอังคาร (28 พ.ค.) ว่า “ผลการศึกษาพบว่า ในสถานการณ์ที่ไม่มีความพยายามเป็นวงกว้างในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์นั้น อุณหภูมิที่ร้อนยิ่งขึ้นจะทำให้สต็อกทุนลดลง 5.4% และลดการบริโภคต่อปีลง 1.8% ภายในปี 2743”
ผลการศึกษาคาดว่า คนงานกลางแจ้งจะเผชิญกับจำนวนวันที่มีอากาศร้อนจัดมากขึ้นภายในช่วงสิ้นทศวรรษ โดยในปี 2563 มีจำนวน 22 วันต่อปีที่อุณหภูมิสูงเกินไปสำหรับการทำงานหนัก และในปี 2643 จำนวนวันดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นสู่ประมาณ 80 วันต่อปี
ทั้งนี้ ผู้จัดทำผลการศึกษาได้แบ่งผลผลิตทางเศรษฐกิจตั้งแต่ปี 2493-2562 ออกเป็น 5 ภาคส่วน เพื่อตรวจสอบว่า การสูญเสียผลิตภาพแรงงานจากอากาศที่ร้อนจัดส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง แม้ว่างานบริการและการผลิตจะมีบทบาทมากที่สุด แต่งานส่วนใหญ่ดำเนินการภายในอาคารที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิ ในขณะที่งานก่อสร้างนั้นครองสัดส่วนในผลผลิตของสหรัฐมากที่สุดในภาคส่วนงานกลางแจ้งต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงภาคการเกษตรและการทำเหมืองแร่
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 พ.ค. 67)
Tags: Fed, สภาพอากาศ, สหรัฐ, เฟด, เศรษฐกิจสหรัฐ