จากเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมี ซึ่งเป็นของกลางอยู่ระหว่างดำเนินคดี ในพื้นที่ ม.2 ตำบลภาชี อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วานนี้ (1 พ.ค. ) เวลา 18.00 น. กรมควบคุมมลพิษ ได้มอบหมายทีมตรวจสอบเหตุฉุกเฉินสารเคมีจากส่วนกลาง และหน่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมที่ 6 (สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 6 นนทบุรี) ลงพื้นที่สนับสนุนตอบโต้เหตุฉุกเฉินอุบัติภัยสารเคมี ปฏิบัติงานร่วมกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเข้าตรวจสอบคุณภาพอากาศในชุมชนโดยรอบพื้นที่
จากการรายงานสถานการณ์ และผลการตรวจสอบจนถึงวันนี้สามารถสรุปได้ดังนี้
โกดังดังกล่าว มีอาคารเก็บสารเคมี 4,000 ตัน จำนวน 5 หลัง โดยอาคาร 4 และ 5 เป็นอาคารที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ปัจจุบันสามารถควบคุมเพลิงไหม้ได้แล้ว แต่ยังพบมีกลุ่มควันสารเคมีเล็กน้อย มีกลิ่นเหม็นสารเคมี และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังคงเฝ้าระวังในพื้นที่
จากการตรวจสอบคุณภาพอากาศแบบฉุกเฉินด้วยเครื่องมือตรวจวัดไอระเหยสารเคมีในภาคสนาม (FTIR) บริเวณชุมชนโดยรอบตั้งแต่เมื่อคืน พบสารคลอรีนและสารแอมโมเนีย ซึ่งมีความเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน และได้รายงานข้อมูลต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
หลังการระงับเหตุเพลิงไหม้พบมีน้ำปนเปื้อนกรดค่อนข้างสูง จำนวนมากไหลนองเต็มบริเวณพื้นที่ด้านหลังโกดัง ซึ่งอยู่ติดกับคลองสามขวา (คลองชลประทาน) และที่ติดด้านหลังโรงงาน ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะไหลล้นออกสู่พื้นที่ด้านนอก กรมควบคุมมลพิษ ได้ดำเนินการเก็บตัวอย่างน้ำผิวดินบริเวณใกล้เคียงโกดังเก็บสารเคมีดังกล่าว ซึ่งได้รับผลกระทบจากสารที่ใช้ดับเพลิง และปนเปื้อนสารเคมีรั่วไหลออกสู่ภายนอก เพื่อประเมินการปนเปื้อน และให้ข้อเสนอแนะทางวิชาการในการจัดการที่เหมาะสม และบำบัดฟื้นฟูต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ค. 67)
Tags: กรมควบคุมมลพิษ, คุณภาพอากาศ, น้ำปนเปื้อน, สารเคมี, อยุธยา, เพลิงไหม้, โกดังเก็บสารเคมี