ข้อมูลจากแผนกกฎหมายว่าด้วยการแจ้งเกี่ยวกับการฝึกอบรมและการปรับเปลี่ยนแรงงาน (Worker Adjustment and Retraining Notification Act หรือ WARN) ในรัฐนิวยอร์กของสหรัฐ ระบุว่า เทสลา บริษัทผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐ อยู่ระหว่างปลดพนักงานจำนวน 285 ราย โดยพนักงานส่วนใหญ่ในจำนวนนี้ทำงานที่โรงงานในเมืองบัฟฟาโลของรัฐนิวยอร์ก ขณะที่บางส่วนทำงานที่ร้านสาขาและศูนย์บริการในเมืองบัฟฟาโล
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา ได้ส่งบันทึกข้อความถึงพนักงานทั้งบริษัทว่า เทสลาจะปลดพนักงานกว่า 10% จากพนักงานทั้งหมดทั่วโลก โดยการปลดพนักงานครั้งนี้จะช่วยเตรียมความพร้อมให้กับเทสลาในการก้าวไปสู่ระยะใหม่ของการเติบโต
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า การปลดพนักงานในเมืองบัฟฟาโลคิดเป็นสัดส่วน 14% ของพนักงานทั้งหมดในเมืองดังกล่าว
เทสลาเข้าครอบครองโรงงานในเมืองบัฟฟาโลหลังเสร็จสิ้นกระบวนการซื้อกิจการโซลาร์ซิตี้ (SolarCity) บริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ด้วยข้อตกลงมูลค่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2560
เทสลาถูกวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างเรื่องการเข้าซื้อกิจการโซลาร์ซิตี้ เนื่องจากถูกมองว่าเป็นการช่วยเหลือธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ที่กำลังประสบปัญหา เพราะมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายมัสก์และคณะกรรมการบริษัทเทสลา โดยนายมัสก์เป็นผู้ให้เงินสนับสนุนและร่วมก่อตั้งโซลาร์ซิตี้กับลูกพี่ลูกน้องสองคน ได้แก่ นายลินดอนและนายปีเตอร์ ไรฟ์ พร้อมทั้งดำรงตำแหน่งประธานบริษัทโซลาร์ซิตี้ด้วย นอกจากนี้ สเปซเอ็กซ์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริษัทของนายมัสก์ ก็ได้ซื้อหุ้นกู้ของโซลาร์ซิตี้ ดังนั้น หากโซลาร์ซิตี้ล้มละลาย เทสลาและสเปซเอ็กซ์ก็จะเสียเงินลงทุนเช่นกัน
ทั้งนี้ ในปี 2566 การติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์โดยเทสลาอยู่ที่ 223 เมกะวัตต์ ลดลง 36% จากระดับ 348 เมกะวัตต์ในปีก่อนหน้า และถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2563 โดยเวลานั้นอยู่ที่ 205 เมกะวัตต์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 เม.ย. 67)
Tags: Tesla, ปลดพนักงาน, สหรัฐ, เทสลา