สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยข้อมูลจากแหล่งข่าวระบุว่า เจพีมอร์แกนซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐกำลังเร่งดำเนินการประเมินว่าการคว่ำบาตรพันธบัตรรัฐบาลรัสเซียโดยสหรัฐนั้น อาจมีผลกระทบต่อดัชนีพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ของเจพีมอร์แกน
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ขยายการจำกัดการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลรัสเซียในวันอังคาร (22 ก.พ.) เพื่อลงโทษรัสเซียฐานเพิ่มความขัดแย้งกับยูเครน
กระทรวงการคลังสหรัฐประกาศในวันอังคารว่า ห้ามนักลงทุนซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลรัสเซียที่จะออกหลังวันที่ 1 มี.ค.ในตลาดรอง เพื่อสกัดกั้นรัสเซียจากการเข้าถึงแหล่งเงินทุนต่างชาติ โดยแต่เดิมนั้น นักลงทุนอเมริกันถูกสั่งห้ามไม่ให้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลสกุลดอลลาร์ออกใหม่ของรัสเซียนับตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งเป็นช่วงที่รัสเซียผนวกแคว้นไครเมีย
นอกจากนี้ บรรดาธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐได้ถูกสั่งห้ามลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่ไม่ใช่สกุลเงินรูเบิลของรัสเซียในตลาดหลักนับตั้งแต่ปี 2562 และในปีที่แล้ว ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐยังออกคำสั่งห้ามสถาบันการเงินสหรัฐลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสกุลเงินรูเบิลของรัสเซียในตลาดหลักอีกด้วย
สำหรับเจพีมอร์แกนนั้นถือเป็นผู้จัดทำดัชนีพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นและสกุลเงินที่มีความเสถียรสูงของตลาดเกิดใหม่ที่สำคัญ โดยดัชนีเหล่านี้ถือเป็นเกณฑ์วัดผลการดำเนินงานสำคัญสำหรับนักลงทุนข้ามชาติในพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ ซึ่งมีส่วนช่วยแต่ละประเทศในการขายพันธบัตรและทำให้ดอกเบี้ยลดลง
อย่างไรก็ดี นักกลยุทธ์ตลาดเกิดใหม่ของเจพีมอร์แกนได้ระบุในบันทึกสำหรับลูกค้าเมื่อวันพุธ (23 ก.พ.) ว่า มาตรการคว่ำบาตรพันธบัตรรัฐบาลรัสเซียรอบใหม่ของสหรัฐมีแนวโน้มส่งผลกระทบในวงจำกัดสำหรับนักลงทุนระหว่างประเทศที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลรัสเซียอยู่แล้ว
นางเอลีนา ริบาโควา รองหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สถาบันการเงินระหว่างประเทศระบุว่า การคว่ำบาตรพันธบัตรรัฐบาลรัสเซียมีแนวโน้มส่งผลกระทบในวงจำกัดเท่านั้น เนื่องจากชาวต่างชาติถือพันธบัตรรัฐบาลรัสเซียที่ประมาณ 6.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียสูงกว่า 6.3 แสนล้านดอลลาร์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.พ. 65)
Tags: บอนด์, พันธบัตร, รัสเซีย, เจพีมอร์แกน