นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เช้านี้เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 36.76/78 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากปิด ตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 36.83 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาค โดยเมื่อคืนนี้ยังไร้ปัจจัยใหม่ ตลาดรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ในวันพรุ่งนี้ ทั้งการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และตัวเลขเงิน เฟ้อของสหรัฐฯ
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 36.50 – 36.80 บาท/ดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญ
– เงินเยน อยู่ที่ระดับ 157.20 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 156.81 เยน/ดอลลาร์
– เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0767 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0749 ดอลลาร์/ยูโร
– อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท. อยู่ที่ระดับ 36.891 บาท/ดอลลาร์
– นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ คาดว่าจะมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ 5 ต่อ 2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% หลังแนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราเงิน เฟ้อยังใกล้เคียงกับคาดการณ์ของทาง กนง. แต่ กนง.อาจเปิดกว้างได้หากเศรษฐกิจชะลอลงกว่าคาดไปมาก เช่น การเบิกจ่ายภาครัฐมี ปัญหา ภาคการส่งออกยังคงซบเซากว่าคาด รวมถึงอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มต่ำกว่ากรอบเป้าหมายชัดเจน อาจทำให้ กนง.ลดดอกเบี้ยลง ได้ ซึ่งผู้เล่นในตลาดบางส่วนประเมินว่า กนง. มีโอกาสที่จะลดดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้
– อธิบดีกรมการค้า ต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในช่วง 5 เดือนของ ปี 2567 (มกราคม-พฤษภาคม) ไทยสามารถส่งออก ข้าวได้แล้วประมาณ 4.6 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 32.18% มีมูลค่าประมาณ 106,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.59% หรือประมาณ 2,957 ล้าน เหรียญสหรัฐ เป็นผลมาจากประเทศผู้นำเข้าข้าวยังคงมีความต้องการนำเข้าข้าวเพื่อเพิ่มสต๊อกข้าวภายในประเทศ และจากสภาพอากาศที่ แปรปรวนซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตข้าว ทำให้หลายประเทศกังวลว่าจะมีข้าวไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภค ในประเทศและ ได้นำเข้าข้าวเพิ่มขึ้น โดยประเทศผู้นำเข้าข้าวสำคัญของไทย ได้แก่ อินโดนีเซีย อิรัก สหรัฐฯ ฟิลิปปินส์ และแอฟริกาใต้
– ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (10 มิ.ย.) หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ และผลการประชุม นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
– สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (10 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลัง จากราคาทองคำร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ และผลการประชุมนโยบาย การเงินของเฟด ในสัปดาห์นี้
– นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันพุธนี้ (12 มิ.ย.) โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.4% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.4% ในเดือนเม. ย. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่ 3.6% ในเดือนเม.ย.
– นักลงทุนยังจับตาผลการประชุมเฟดซึ่งจะมีการแถลงในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตรา ดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้ เฟดจะเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจ และการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย นโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด โดยนักลงทุนจับตารายงานเหล่านี้อย่างใกล้ชิดเพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เฟดจะ เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย
– นักลงทุนพากันเพิ่มคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะเลื่อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.ออกไปเป็นเดือนพ.ย. ซึ่ง จะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกและครั้งเดียวของเฟดในปีนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยทำ ให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
– FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 51.0% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25- 5.50% ในการประชุมเดือนก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 45.0% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 มิ.ย. 67)
Tags: ค่าเงินบาท, อัตราแลกเปลี่ยน, เงินบาท