เงินบาทเปิด 34.70 กลับมาแข็งค่า รอลุ้นตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐกลางสัปดาห์นี้

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 34.70 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเย็นวานนี้ที่ระดับ 34.82 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลัก หลังมีข่าวทีมเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะใช้วิธีทยอยปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศแทนการปรับขึ้นรวดเดียว โดยตลาดรอดูตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในช่วงกลางสัปดาห์

ส่วนปัจจัยในประเทศต้องรอดูทิศทางการเคลื่อนย้ายของเงินทุนระหว่างประเทศ (Flow) หลังจากเมื่อวานนี้นักลงทุนขายพันธบัตรราว 5 พันล้านบาท ส่วนราคาทองในตลาดโลกปรับลดลงกว่า 36 ดอลลาร์

“บาทแข็งค่าตามทิศทางตลาดโลก หลังมีข่าวทีมเศรษฐกิจของทรัมป์จะทยอยปรับขึ้นภาษีนำเข้า เลยส่งผลให้ดอลลาร์ย่อตัวอ่อนค่า”

นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 34.60 – 34.80 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 157.42 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 157.06 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0246 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0197 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 34.774 บาท/ดอลลาร์
  • บีโอไอ ปลื้มยอดลงทุนปี 67 ทะลุ 1.13 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตอกย้ำไทยฐานลงทุนสำคัญ ตั้งเป้า 68 ยอดลงทุนเติบโตต่อมุ่งดึงดูดอุตฯในยุทธศาสตร์ หวังเม็ดเงินทะลุ 1 ล้านล้านบาทอีกปี พร้อมลุยแก้ปัญหาอุปสรรคดันเงินลงทุนรวม 5 ปี 5 ล้านล้านบาท
  • ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (13 ม.ค.) โดยดอลลาร์ยังคงได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงในวันจันทร์ (13 ม.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รวมทั้งการที่เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดจะใช้ความระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
  • นักกลยุทธ์จากบริษัท RJO Futures กล่าวว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐฯ ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ได้สร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่แล้ว
  • ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยผลสำรวจในเดือนธ.ค. ระบุว่า ผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ ยังคงคาดการณ์เงินเฟ้อสูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
  • นักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.,พ.ค.,มิ.ย.และก.ค. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย. และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวในการประชุมที่เหลือจนสิ้นปี 2568
  • นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้ (15 ม.ค.) เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI จะปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนธ.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนพ.ย. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.3% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพ.ย.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ม.ค. 68)

Tags: ,