เงินบาทเปิด 34.01 แข็งค่า หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐสูงกว่าคาด กดดันเฟดชะลอหั่นดบ.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 34.01 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากปิดตลาดเย็นวันอังคารที่ระดับ 34.06 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเช้านี้แข็งค่าขึ้น เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาด ตอกย้ำคาดการณ์เรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารสหรัฐฯ (เฟด) เหลือเพียงครั้งเดียวในช่วงปลายปี 68

ส่วนกระแสเงินทุนระหว่างประเทศ (Flow) จากการค้าทองวันนี้ ไม่น่าจะมีปริมาณมากนัก เนื่องจากสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลกเปลี่ยนแปลงไม่มาก

“ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา บาทอ่อนค่าอยู่ที่ระดับ 34.20 บาท/ดอลลาร์ ทำให้ตลาดมีแรงเทขายดอลลาร์ทำกำไร ก่อนที่บาทจะปรับลงมาแข็งค่าในช่วงเช้านี้” นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.90 – 34.20 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 154.27 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันอังคารที่ระดับ 151.95 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0396 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันอังคารระดับ 1.0318 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 34.082 บาท/ดอลลาร์
  • อสังหาฯ ยื่นข้อเสนอ ธปท. รัฐบาล คลายกฎเหล็ก อัดยาแรง ประคองตลาดปี’68 ไม่ให้ทรุดหนัก ชงเลิก LTV 2 ปี ยืดค่าโอน-จำนอง 0.01% อัดซอฟต์โลน ดอกเบี้ยถูก ช่วยคนผ่อนบ้าน ผู้มีรายได้น้อย ขยายเช่า 60 ปี เพิ่มโควต้าซื้อคอนโดเป็น 75% ดูดกำลังซื้อคนรวย ต่างชาติ
  • นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม เดือน ม.ค.68 พบว่า ธุรกิจโรงแรมส่วนใหญ่ยังกังวลปัจจัยเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของไทยมากที่สุด รองลงมา ได้แก่ ต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งค่าแรง ราคาพลังงาน และวัตถุดิบ รวมถึงปัจจัยการแข่งขันด้านราคาระหว่างธุรกิจโรงแรม ที่รุนแรงขึ้นกดดันต่อการขยายตัวของรายได้ ขณะเดียวกัน ยังกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติน้อยกว่าคาดการณ์
  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานนโยบายการค้ากับสหรัฐ โดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการติดตามนโยบายการขึ้นภาษีของสหรัฐอย่างใกล้ชิด โดยเฝ้าระวังปริมาณการนำเข้าและส่งออก สำหรับเตรียมพร้อมและรับมือกับนโยบาย มาตรการทางการค้าใหม่ ๆ ของสหรัฐ เพื่อให้ไทยได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
  • ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่า การส่งออกทองคำเดือน ธ.ค.67 มีมูลค่า 445.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.17% แม้ราคาทองคำตลาดโลกจะลดลง แต่ส่งออกได้เพิ่มขึ้น ส่วนยอดรวมปี 67 ส่งออกทองคำมีมูลค่า 8,758.02 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 46.48% หรือกว่า 3 แสนล้านบาท การส่งออกที่เพิ่มขึ้น มีสาเหตุจากภาพรวมราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งปี 67 ทำให้มีการส่งออกเก็งกำไรเป็นระยะ
  • กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการส่งออกข้าวไทยเดือนม.ค. ซึ่งเป็นเดือนแรกของปี 2568 ว่าไทยมีปริมาณส่งออกข้าวรวมทั้งสิ้น 0.74 ล้านตัน ลดลง 22.11% หรือลดลงราว 2.1 แสนตัน จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีปริมาณ 0.95 ล้านตัน มูลค่า 464 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 15,826 ล้านบาท ลดลง 23.31% หรือลดลง 5,139 ล้านบาท จากปีก่อนมีมูลค่า 20,965 ล้านบาท
  • รมว.การค้าของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้ร้องขอให้สหรัฐฯ ยกเว้นการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากญี่ปุ่นในอัตรา 25% หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการดังกล่าวกับทุกประเทศโดยไม่มีข้อยกเว้น
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.0% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.9% และเพิ่มขึ้นจากระดับ 2.9% ในเดือนธ.ค.
  • ดัชนี CPI ที่สูงเกินคาด ทำให้นักลงทุนกังวลว่าเฟดอาจจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ โดยล่าสุดเครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 70% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งลดลงจากระดับ 80% ที่คาดการณ์ไว้ในวันอังคาร
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (12 ก.พ.) หลังจากนักลงทุนซึมซับข้อมูลเงินเฟ้อเดือนม.ค.ของสหรัฐฯ ที่ออกมาสูงเกินคาด
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (12 ก.พ.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่สูงเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้
  • ประธานเฟด ได้แถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาของสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (11 ก.พ.) โดยกล่าวว่า เฟดไม่จำเป็นต้องรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่อัตราว่างงานอยู่ในระดับต่ำ และอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
  • นักลงทุนจับตามาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยล่าสุดมีรายงานว่า ทีมที่ปรึกษาด้านการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเร่งสรุปแผนการใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับทุกประเทศที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ก.พ. 68)

Tags: ,