เงินบาทเปิด 33.57 แนวโน้มแกว่ง sideways ในกรอบ 33.40-33.70 เกาะติดตัวเลขส่งออกไทยวันนี้

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.57 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากปิดวันก่อนที่ระดับ 33.39 บาท/ดอลลาร์

โดยช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ทะลุโซนแนวต้าน 33.50 บาท/ดอลลาร์ อีกครั้ง กดดันโดยการ แข็งค่าขึ้นของดอลลาร์ จากแรงหนุนความเชื่อมั่นในสินทรัพย์สหรัฐฯ ที่ทยอยฟื้นตัวดีขึ้น ตามความหวังว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่าง สหรัฐฯ กับจีนอาจคลี่คลายลงบ้าง รวมถึงคลายความกังวลต่อประเด็นการแทรกแซงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยฝั่งการเมืองสหรัฐฯ

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท อาจยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways เพื่อรอรับรู้ปัจจัยใหม่ ๆ เพิ่มเติม

ทั้งนี้ เงินบาทก็อาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง ตามโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับบรรดานักลงทุนต่างชาติ รวมถึงโฟลว์ ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงเข้าใกล้ปลายเดือน

ปัจจัยในประเทศวันนี้ ตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการค้าระหว่างประเทศของไทย จากรายงานยอดการส่งออก-นำเข้า เดือนมี.ค.68 ซึ่งอาจขยายตัวได้ดี ท่ามกลางการเร่งนำเข้าสินค้าจากประเทศคู่ค้า ก่อนเผชิญมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ

ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากรายงานยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน เดือนมี.ค. รวม ถึงรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน พร้อมทั้งรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้ม นโยบายการเงิน

นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 33.40-33.70 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 142.90 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 141.83/86 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1354 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.1426/1427 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 33.487 บาท/ดอลลาร์
  • กระทรวงพาณิชย์ จะรายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนมี.ค.68 และไตรมาส 1/68 ซึ่งต้องจับตาว่า มูลค่าการส่งออกของไทยในเดือนมี.ค.นี้ จะยังสามารถขยายตัวเป็นเลข 2 หลัก ได้ต่อเนื่องหรือไม่ หลังจากในเดือนม.ค. การส่งออก ขยายตัวได้ 13.6% และเดือนก.พ.ขยายตัวได้ 14%
  • รมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณีที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดจีดีพีไทยปี 68 จาก 2.9% เหลือ 1.8% ว่า มองว่าเป็นการประเมินเบื้องต้น ซึ่งของจริงยังไม่รู้ว่าลดเท่าไร แต่ไม่น่าถึงขนาดนั้น เพราะว่าสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงตลอด แต่ยอมรับว่าอาจมีผลกระทบบ้าง ซึ่งรัฐบาลมีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
  • “คลัง” เตรียมอัดฉีด 5 แสนล้านกระตุ้นเศรษฐกิจ รับมือภาษีทรัมป์ จ่อถก “แบงก์ชาติ” ผุดซอฟต์โลนอุ้มภาคธุรกิจ พร้อม ทบทวนตัวเลขจีดีพีปี 68 ใหม่
  • เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.68) มีนัก ท่องเที่ยวจีนมาไทย จำนวน 1.3 ล้านคน ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนไปเวียดนาม 1.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 178% ตามข้อมูลของสำนัก งานการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม ซึ่งเป็นการแซงไทยครั้งแรก โดยเวียดนามได้ขยายตลาดอย่างเข้มข้นและไม่เพียงเน้นที่นักท่องเที่ยว จีนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตลาดสำคัญอื่นๆ ที่คล้ายกับไทย ทั้งเกาหลีใต้ รัสเซีย อินเดีย และไต้หวัน อีกด้วย
  • ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณถึงความพร้อมที่จะคลี่คลายข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ โดยกล่าว ว่า ภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้าจีนในอัตรา 145% ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก แต่สหรัฐฯ จะไม่เรียกเก็บภาษีที่สูงเช่นนั้น โดยจะปรับ ลดลงต่ำกว่านั้นมาก แต่ไม่ถึงระดับ 0%
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (23 เม.ย.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่มีแผนที่จะปลดเจอโรม พาวเวล ออกจากตำแหน่งประธานธนาคารกลาง สหรัฐฯ (เฟด) นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังส่งสัญญาณปรับลดภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากจีน
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% ในวันพุธ (23 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ วันนี้ ได้แก่ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี. ค., ดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนมี.ค.จากเฟดชิคาโก และยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 เม.ย. 68)

Tags: , ,