เงินบาทเปิด 33.25 อ่อนค่าตามทิศทางตลาดโลก คาดกรอบวันนี้ 33.20 – 33.35

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.25 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจาก ปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.19 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่า หลังได้รับปัจจัยหนุนจากข่าวธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ส่ง สัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น และการปรับขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐ ขณะเดียวกันยังต้องจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่าจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจอย่างไร

“บาทปรับตัวอ่อนค่าตามทิศทางตลาดโลกหลังมีปัจจัยหนุนดอลลาร์ให้แข็งค่าจากการย่อยข่าวเฟด” นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.20 – 33.35 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (5 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.36197% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.39402%

ปัจจัยสำคัญ

– เงินเยนอยู่ที่ระดับ 116.06 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 115.87 เยน/ดอลลาร์

– เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1308 ดอลลาร์/ยูโร จากแย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1305 ดอลลาร์/ยูโร

– อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.198 บาท/ดอลลาร์

– คลังเตรียมพิจารณาแจกเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มเปราะบางรวม 16 ล้านคน พร้อมคนละครึ่งเฟส 4 เริ่ม 1 มี.ค.นี้ เป็นไปตามแพ็กเกจเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รอบใหม่ หลังจากมาตรการเยียวยารอบก่อนสิ้นสุด 31 ธ. ค.ที่ผ่านมา

– “ก.ล.ต.” เปิดแผนกำกับสินทรัพย์ดิจิทัล ควบคุมผู้ประกอบธุรกิจ-คุ้มครองนักลงทุน เตรียมยกระดับเกณฑ์กำกับเทียบเคียง ธุรกิจหลักทรัพย์ พร้อมให้ความรู้นักลงทุนก่อนซื้อขาย เพื่อเพิ่มความคุ้มครองแก่ผู้ลงทุนในโทเคนดิจิทัล

– “นายกฯ” สั่งประเมินสถานการณ์โควิดระลอกหลังปีใหม่ 2 สัปดาห์แรกก่อนนำเข้าที่ประชุม 7 ม.ค. นี้ “สธ.” เตรียม ชง “ศบค.ชุดใหญ่” เคาะปรับพื้นที่สี-มาตรการคุมโควิด-เคาะเปิด/ปิดสถานบันเทิง ด้าน “อ.นิด้า”ยืนยัน “โอไมครอน” เวฟ 5 เริ่มต้น ขึ้นแล้ว แนะปกป้องกรุงเทพฯ ด่วน ก่อนจะเข้าปะทะจังหวัดที่เหลืออย่างรวดเร็ว

– ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ในวันพุธ (5 ม.ค.) โดยระบุว่า ตลาดแรง งานของสหรัฐอยู่ในภาวะตึงตัวอย่างมาก ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการ ปรับลดการถือครองสินทรัพย์ทั้งหมดด้วย โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ

– ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 807,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2564 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 375,000 ตำแหน่ง จากระดับ 505,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย.

– ไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 57.6 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 58.0 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนี PMI ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแรง งานในภาคบริการ ส่งผลให้การจ้างงานชะลอตัว

– ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (5 ม. ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดอลลาร์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี ดอลลาร์ลดช่วงลบ หลัง จากรายงานการประชุมเดือนธ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้

– สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ในวันพุธ (5 ม.ค.) เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้น สหรัฐเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับราคา ทองคำด้วย

– นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนธ.ค.ในวันศุกร์นี้ เวลาประมาณ 20.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของวอลล์สตรีท เจอร์นัลคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค. ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 422,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และอัตราว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.1%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ม.ค. 65)

Tags: ,