เงินบาทเปิด 32.86 แข็งค่าตามภูมิภาค หลังตัวเลขศก.สหรัฐฯกดดอลล์อ่อน จับตา Flow สิ้นเดือน

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.86 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.88 บาท/ดอลลาร์ หลังดอลลาร์อ่อนค่าเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/64 ของสหรัฐฯออกมาต่ำกว่าคาด และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นนอกจากนี้ต้องจับตาดูทิศทางของเงินทุนต่างประเทศ

“บาทขยับแข็งค่าตามภูมิภาคหลังข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาไม่ดีส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่า และต้องจับตาดู flow จากแรงเทขายดอลลาร์ของผู้ส่งออกช่วงปลายเดือน และราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 31.5 ดอลลาร์/ออนซ์”

นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.80 – 32.95 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (29 ก.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.29035% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.29782%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.49 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 109.84 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1883 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1871 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.881 บาท/ดอลลาร์
  • นายกรัฐมนตรี ยืนยัน ยังไม่คิดถอดใจในการทำหน้าที่ เพราะไม่ใช่เวลา และยังเดินหน้าทำงานหนักต่อเนื่อง และคิดว่าได้ทำงานอย่างดีที่สุดแล้ว พร้อมกับรับฟังเสียงประชาชน รวมถึงติดตามสถานการณ์จากคณะแพทย์และสาธารณสุข
  • ส่วนแนวทางการขยายล็อกดาวน์ และเพิ่มความเข้มข้นการบังคับใช้มาตรการหลังสถานการณ์โควิด-19 ไม่ดีขึ้นว่าต้องปรึกษาหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการทำงานทางกระทรวงสาธารณสุขจะเสนอมาตรการมายัง ศปก.ศบค. และการอนุมัติมาตรการใดๆ ต้องผ่านคณะกรรมการ ศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งไม่ได้ล่าช้า แต่หากเรื่องใดเป็นเรื่องเร่งด่วนตนเองก็จะอนุมัติในฐานะที่เป็น ผอ.ศบค.
  • นายกรัฐมนตรี เผยได้รับคำยืนยันจากสำนักงบประมาณว่ายังมีงบประมาณเพียงพอในการให้ความช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19ให้ทั่วถึง ซึ่งในส่วนเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท เหลือประมาณ 2,000 กว่าล้านบาทแต่ในงบประมาณเงินกู้ 5 แสนล้านบาท ยังไม่ได้นำออกมาใช้ จึงได้สั่งการให้มีการเตรียมงบประมาณไว้ให้พร้อม
  • ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า โควิด-19 ระลอกใหม่ระบาดรุนแรงขึ้นทำให้สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิกทุกแห่งได้ยกระดับแผนบริหารความต่อเนื่องหรือบีซีพี เพื่อความต่อเนื่องในการให้บริการ โดยคำนึงความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงานเป็นสำคัญ ซึ่งจะครอบคลุมทั้งการปฏิบัติตามมาตรการของทางการ, ระบบการให้บริการ, การจัดสรรพนักงาน และการสำรองเงินสดให้เพียงพอและยังแนะนำให้ลูกค้าทำธุรกรรมการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งโมบายแบงกิ้ง อินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง และตู้เอทีเอ็มโดยไม่ต้องเดินทางมาที่สาขา เพื่อความสะดวก และลดความเสี่ยง
  • 3 แบงก์ใหญ่ “ไทยพาณิชย์ กรุงไทย กรุงศรีฯ” เผย ลูกค้ารายย่อย-เอสเอ็มอี ลงทะเบียนพักชำระเงินต้น-ดอกเบี้ย แล้วกว่า 2.7แสนราย ยอดหนี้รวม 3.88 แสนล้านบาท “วงการแบงก์” แย้ม ธปท.อยู่ระหว่างปรับการช่วยเหลือ คาดชัดเจนส.ค.นี้ ด้านสมาคมธนาคาร พร้อมเดินหน้าช่วยเหลือต่อเนื่อง
  • แนวโน้มหนี้ครัวเรือนปีนี้จ่อแตะ 93% ต่อจีดีพี ธปท.พบคนไทยก่อหนี้ระยะสั้น ดอกเบี้ยแพง หวั่นมีคนชำระหนี้ไม่ได้เพิ่มขึ้นในอนาคต ชี้ที่ผ่านมามีมาตรการพักหนี้ และลดค่างวดช่วยประคองไว้ แต่แบงก์ต้องเร่งแก้หนี้ให้เร็วขึ้น ขณะที่มาตรการการคลัง เน้นช่วยค่าครองชีพไม่ให้คนต้องก่อหนี้ใหม่จนเกินตัว ด้านสมาคมธนาคารไทยโชว์ตัวเลขช่วยเหลือลูกหนี้แล้วกว่า 6 ล้านล้านบัญชี
  • ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (เคเคพี) เปิดเผยว่า ธนาคารยังเดินหน้าตั้งสำรองหนี้ระดับสูง เพื่อเป็นมาตรการเชิงป้องกันต่อสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนและอาจกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ในอนาคต โดยไตรมาส 2 ที่ผ่านมาตั้งสำรองไปแล้ว 1,378 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ได้มีการพิจารณาตั้งสำรองพิเศษรวมอยู่ด้วยหลังจากนี้จะต้องปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 8-12% พร้อมบรรเทาผลกระทบจากสินเชื่อกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ และเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่
  • พิษโควิดระบาด! “พิพัฒน์” สั่งเบรก “เที่ยวข้ามเกาะ” ทั้งหมด ด้านผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี ขอ ททท.ระงับเที่ยวข้ามเกาะ จาก “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” มาเกาะสมุยในรูปแบบ “7 วัน + 7 วัน” จับตายอดผู้ติดเชื้อ หากสองวันนี้เพิ่มเป็น 2 เท่าของปัจจุบันจะชะลอ “สมุย พลัส โมเดล” ด้าน “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” กัดฟันเดินหน้าต่อ
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลข GDP ไตรมาส 2/2564 ของสหรัฐขยายตัว 6.5% ซึ่งแม้ว่าดีกว่าในไตรมาส1 ที่มีการขยายตัว 6.4% แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ที่ 8.5% โดยตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้เป็นการประมาณการครั้งที่ 1
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 400,000 รายในสัปดาห์ที่แล้วจากระดับ 424,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ380,000 ราย
  • สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย(pending home sales) ลดลง 1.9% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีจะปรับตัวขึ้น0.3% ในเดือนมิ.ย.
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.)หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน และส่งสัญญาณยังไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ที่ขยายตัวน้อยกว่าคาดในไตรมาส 2
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 30 ดอลลาร์ ยืนเหนือระดับ 1,830 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน นอกจากนี้ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐที่ขยายตัวน้อยกว่าคาดในไตรมาส 2 ยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนมิ.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ค. 64)

Tags: , ,