เครือข่ายผู้บริโภคหนุน คปภ.เดินหน้าค้านบริษัทประกันบอกเลิกกรมธรรม์ “เจอ จ่าย จบ”

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า ตามที่ คปภ.ได้ออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 เพื่อไม่ให้บริษัทประกันภัยบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยแบบเหมาเข่ง ซึ่งหลังจากนั้น สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้ทำหนังสืออุทธรณ์การออกคำสั่งที่ 38/2564 ต่อคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (บอร์ด คปภ.) เพื่อเปิดช่องให้บริษัทประกันภัยสามารถบอกเลิกประกันภัยโควิดแบบเจอ จ่าย จบ ได้นั้น

ล่าสุด คปภ.ได้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าวจากตัวแทนเครือข่ายผู้บริโภค ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง ประกอบด้วย นายกสมาคมส่งเสริมและคุ้มครองผู้บริโภค ประธานสมาพันธ์ชมรมคุ้มครองผู้บริโภคกรุงเทพมหานคร ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้แทนสภาองค์กรของผู้บริโภค และประธานมูลนิธิกลุ่มเส้นด้าย พบว่าที่ประชุมทุกฝ่ายเห็นพ้องตรงกันว่า หากยกเลิกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 และยินยอมให้บริษัทประกันภัยสามารถยกเลิกกรมธรรม์ต่อผู้เอาประกันภัยทุกราย โดยที่ผู้เอาประกันภัยมิได้กระทำผิดในข้อสาระสำคัญ ย่อมขัดต่อพ.ร.บ.ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. 2540 จะส่งผลให้มีคดีเข้าสู่ศาลเป็นจำนวนมาก เกิดผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการประกันภัย และทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในระบบประกันภัย รวมไปถึงประชาชนก็อาจจะบอกเลิกสัญญาประกันภัยอื่นๆ ที่ทำกับบริษัทประกันภัยได้เช่นกัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะเป็นผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ที่ประชุมจึงมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ว่าควรยืนตามคำสั่งนายทะเบียนฯ

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีข้อแนะนำแนวทางหรือมาตรการต่างๆ แก้ไขปัญหา 4 มาตรการดังนี้

1. มาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ โดยอาจจะเป็นการจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้แก่บริษัทประกันภัย เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับบริษัทประกันภัยให้สามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยได้

2. มาตรการผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจ่ายค่าสินไหมทดแทน โดยเมื่อมีกรณีที่ผู้เอาประกันภัยใช้สิทธิเรียกร้องตามกรมธรรม์ ให้บริษัทประกันภัยสามารถผ่อนจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกันภัยแต่ละรายได้

3. มาตรการผ่อนปรนระยะเวลา เพื่อให้บริษัทประกันภัยสามารถยืดหรือขยายระยะเวลาชดใช้ค่าสินไหมทดแทน และกำหนดระยะเวลาให้ชัดเจน ซึ่งเมื่อมีการขยายระยะเวลาดังกล่าวแล้ว หากบริษัทประกันภัยรายใดไม่จ่ายค่าสินไหมทดแทนภายในระยะเวลาที่กำหนดจะต้องมีการคิดดอกเบี้ยหรือเงินเพิ่มกรณีผิดนัด หรือเบี้ยปรับเชิงลงโทษเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจ่ายค่าสินไหมทดแทนต่อไป

4. มาตรการยื่นข้อเสนอคืนเงินค่าเบี้ยประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัยในจำนวนที่เหมาะสม เช่น การคืนเบี้ยประกันภัยเต็มจำนวนพร้อมดอกเบี้ยหรือคืนเบี้ยประกันภัย จำนวน 5-10 เท่า ของเบี้ยประกันภัยเดิม

เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า จะได้นำข้อแนะนำที่ได้ไปประมวลกับข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอความเห็นของ

สำนักงานฯ ประกอบการพิจารณาของบอร์ด คปภ. ต่อไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ม.ค. 65)

Tags: , , ,