นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวในการประชุมรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสถานการณ์การผลิตและการตลาดสุกรจากผู้เลี้ยงสุกรรายเล็กรายย่อยในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน 8 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย น่าน แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง และจังหวัดพะเยา ว่า จากการสำรวจและเก็บสถิติของกรมปศุสัตว์ในปี 2563 พบว่าประเทศไทยมีแม่พันธุ์สุกรประมาณ 1 ล้านตัว สามารถผลิตสุกรขุนออกสู่ตลาดได้ถึง 20 ล้านตัวต่อปี แต่ในปี 2564 พบว่าจำนวนแม่พันธุ์สุกรลดลงเหลือเพียงประมาณ 9 แสนตัว โดยมีสุกรขุนที่ผ่านโรงเชือดในประเทศประมาณ 18 ล้านตัว และส่งออกนอกประเทศ 1 ล้านตัว ซึ่งมาจากผู้ประกอบการ 1.9 แสนราย แบ่งเป็น รายเล็กรายย่อย 1.85 แสนราย มีสุกรประมาณ 30% ของประเทศ ขณะที่รายกลางและรายใหญ่ 4,000-5,000 ราย มีปริมาณการเลี้ยงสุกร 70% ของประเทศ
การที่ปริมาณแม่พันธุ์สุกรในประเทศลดลงทำให้ผลผลิตลูกสุกรขุนและเนื้อสุกรสดมีแนวโน้มไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภคในประเทศ ราคาเนื้อสุกรจึงปรับตัวสูงขึ้นในระยะนี้ สำหรับพื้นที่ภาคเหนือมีผู้เลี้ยงรายเล็กรายย่อยกระจายอยู่เป็นจำนวนมากประมาณ 7 หมื่นราย และมีความเหมาะสมในการสนับสนุนให้เกษตรกรในพื้นที่ซึ่งผ่านการประเมินความเสี่ยงแล้วกลับมาเลี้ยงสุกรได้อีกครั้ง ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดของกรมปศุสัตว์
ภายหลังหารือเสร็จสิ้น รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ให้หน่วยงานของทางจังหวัดเข้ามามีบทบาทในการส่งเสริมการเลี้ยงสุกรในพื้นที่ และสั่งการไปยังกรมปศุสัตว์ให้เข้าไปประเมินความเสี่ยงของพื้นที่อย่างละเอียด เพื่อจัดให้เป็นพื้นที่เป้าหมายในการส่งเสริม สนับสนุนการเลี้ยงสุกร รวมถึงให้หน่วยงานปศุสัตว์ในพื้นที่ เร่งทำการสำรวจเกษตรกรที่ต้องการกลับมาเลี้ยงใหม่ และเกษตรกรที่เลี้ยงอยู่เดิม เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรด้านปศุสัตว์ โดยคาดว่าจะสามารถเก็บข้อมูลได้ครบถ้วน และพร้อมเริ่มสนับสนุนได้ทันทีภายในสิ้นเดือน ม.ค.นี้
สำหรับพันธุ์สุกรที่จะนำมาสนับสนุนให้กับผู้เลี้ยงรายเล็กรายย่อยนั้นจะเร่งจัดหามาจากศูนย์วิจัยของกรมปศุสัตว์ เครือข่ายสัตว์พันธุ์ดีของกรมปศุสัตว์ ซึ่งมีแม่พันธุ์อยู่ประมาณ 5,000 ตัว และได้เจรจาขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการรายใหญ่ มหาวิทยาลัยต่างๆ และวิทยาลัยเกษตรทั่วประเทศในการช่วยผลิตลูกสุกร นอกจากนี้ยังมีในส่วนของบริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด และบริษัท หมูอินเตอร์ฟาร์ม จำกัด เป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาช่วยสนับสนุนเกษตรกรรายเล็กรายย่อยทางภาคเหนือ
โดยกรมปศุสัตว์จะจัดสรรให้ผู้เลี้ยงรายเล็กรายย่อยที่สนใจ รายใดต้องการเลี้ยงแม่พันธุ์จะจัดหาแม่พันธุ์ 2 ตัว รายใดต้องการลูกสุกรขุนจะจัดให้รายละ 20 ตัว หรือตามความเหมาะสม พร้อมอาหารสัตว์ เวชภัณฑ์ ยารักษาโรค โดยให้ปศุสัตว์ในพื้นที่เข้าไปดูแลเรื่องโรคระบาด และแนะนำการยกระดับและปรับปรุงระบบการเลี้ยงภายใต้มาตรฐานฟาร์มแบบ Good Farming Management (GFM) ฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม
สำหรับเรื่องเงินทุนจะใช้แหล่งเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ภายใต้โครงการสานฝันสร้างอาชีพยกระดับรายได้เกษตรกรเข้ามาสนับสนุน เพื่อใช้เป็นต้นทุนในการดำเนินการ
นอกจากนี้ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ยังได้รับข้อเสนอของเกษตรกรรายเล็กรายย่อยในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน กรณีมีหนี้เดิมกับ ธ.ก.ส.อยู่แล้ว และเกิดความเสียหายจากโรคระบาดหรือสาธารณภัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่ต้องการเข้าร่วมโครงการ ธ.ก.ส.จะพิจารณาตามความเหมาะสม โดยจะพิจารณาลดดอกเบี้ยหนี้เดิม พักชำระหนี้เดิม หรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ใหม่ เพื่อแผนการชำระหนี้ระยะยาวให้เกษตรกร ซึ่งต้องเป็นไปตามข้อตกลงและการพิจารณาของ ธ.ก.ส.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ม.ค. 65)
Tags: กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, ประภัตร โพธสุธน, สุกร, เกษตรกร