รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศในกฎระเบียบใหม่ในวันนี้ (8 ม.ค.) ว่า อินโดนีเซียได้ออกมาตรการจำกัดการส่งออกน้ำมันทำอาหารใช้แล้ว (UCO) และกากน้ำมันปาล์ม (palm oil residue) เพื่อรับประกันปริมาณที่เพียงพอสำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันทำอาหารและไบโอดีเซลภายในประเทศ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มาตรการนี้ของอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดของโลกนั้น มีเป้าหมายเพื่อรองรับนโยบายใหม่ที่เริ่มใช้ในปีนี้นั่นคือ การผสมเชื้อเพลิงจากน้ำมันปาล์มกับน้ำมันดีเซลในสัดส่วน 40% หรือที่เรียกว่า B40 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสัดส่วน 35% ก่อนหน้านี้
ทางการอินโดนีเซียได้พยายามหามาตรการจำกัดการส่งออก UCO มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ขอบเขตของมาตรการใหม่ยังไม่ชัดเจนในทันที
สื่อรายงานว่า เมื่อเดือนที่แล้ว เจ้าหน้าที่รายหนึ่งอ้างว่า น้ำมันทำอาหารบางส่วนที่ขายภายใต้โครงการของรัฐบาลที่เรียกว่า “Minyakita” ถูกติดฉลากผิดว่าเป็นน้ำมันทำอาหารใช้แล้ว และถูกส่งออกไปยังต่างประเทศเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอดีเซล
ทั้งนี้ กฎระเบียบใหม่ซึ่งมีผลบังคับใช้ทันทีนั้น กำหนดให้ผู้ส่งออกกากน้ำมันปาล์มและน้ำมันทำอาหารใช้แล้วทั้งหมด รวมถึงน้ำทิ้งจากกระบวนการผลิตน้ำมันปาล์ม (POME) จะต้องได้รับการจัดสรรโควตาการส่งออกจากรัฐบาลอินโดนีเซีย โดย POME นั้นสามารถนำไปใช้ในการผลิตก๊าซชีวภาพ ปุ๋ย และเชื้อเพลิงได้
โควตาดังกล่าวจะถูกกำหนดในการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่จากกระทรวงต่าง ๆ เช่น กระทรวงการค้าและหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านอาหาร
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ม.ค. 68)
Tags: กากน้ำมันปาล์ม, น้ำมันทำอาหารใช้แล้ว, ส่งออกน้ำมัน, อินโดนีเซีย