สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า อินเดียได้สั่งส่งทหารเพิ่มอีกอย่างน้อย 50,000 นายเข้าไปประจำการในพรมแดนที่ติดกับจีน ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งประวัติศาสตร์นี้ สะท้อนถึงท่าทีทางทหารเชิงรุกที่อินเดียมีต่อจีน
แม้ทั้งสองประเทศจะเคยสู้รบกันในเทือกเขาหิมาลัยในปี 2505 แต่กลยุทธ์ของอินเดียก็เน้นไปที่ปากีสถานนับตั้งแต่อังกฤษออกจากพื้นที่ โดยมีการสู้รบระหว่างจีนกับอินเดียในสงคราม 3 ครั้งจากความขัดแย้งในภูมิภาคแคชเมียร์ แต่นับตั้งแต่การสู้รบครั้งร้ายแรงที่สุดระหว่างจีนกับอินเดียในรอบหลายสิบปีเมื่อปีที่แล้ว คณะทำงานของนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดียก็ได้พยายามผ่อนคลายความตึงเครียดกับปากีสถานและให้ความสำคัญกับการตอบโต้จีน
แหล่งข่าวระบุว่า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อินเดียได้เคลื่อนกำลังทหารและกองกำลังฝูงบินขับไล่เข้าไปยังดินแดน 3 แห่งติดกับพรมแดนจีน ซึ่งทำให้โดยรวมแล้วอินเดียมีกำลังทหารประมาณ 200,000 นายอยู่ที่ชายแดน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วกว่า 40%
แม้จะยังไม่ชัดเจนว่ามีทหารจีนอยู่ที่ชายแดนมากเท่าใด แต่อินเดียตรวจพบว่าไม่นานมานี้ กองทัพปลดปล่อยประชาชน (PLA) ของจีนได้เพิ่มกองกำลังจากทิเบตไปยังกองบัญชาการทางทหารในซินเจียง ซึ่งรับผิดชอบการลาดตระเวนพื้นที่ที่เป็นข้อพิพาทตามแนวเทือกเขาหิมาลัย นอกจากนี้ จีนยังได้เสริมอาคารรันเวย์ใหม่และบังเกอร์ป้องกันระเบิดเพื่อรักษาเครื่องบินขับไล่และสนามบินใหม่ตามแนวพื้นที่ที่เป็นข้อพิพาทในทิเบต
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 มิ.ย. 64)
Tags: จีน, นเรนทรา โมดี, ปากีสถาน, พรมแดน, อินเดีย, เทือกเขาหิมาลัย