ผลการวิจัยจากวิทยาลัยสุขภาพและเวชศาสตร์เขตร้อนลอนดอน เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนอาจทำให้อังกฤษเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ซึ่งอาจทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 75,000 รายในฤดูหนาวนี้ หากรัฐบาลอังกฤษไม่ยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด
รายงานวิจัยดังกล่าวระบุว่า เมื่อประเมินจากมาตรการปัจจุบันแล้ว ในสถานการณ์ที่ดีที่สุด อังกฤษอาจมียอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 24,700 ราย ในช่วงเดือนธ.ค. 2564 – เม.ย. 2565 ส่วนสถานการณ์ที่ย่ำแย่ที่สุดคาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตประมาณ 74,800 ราย
นับจนถึงขณะนี้ อังกฤษมียอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รวม 146,439 ราย จากข้อมูลของ Worldometers
นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังได้ให้ข้อเสนอแนะในการควบคุมการแพร่ระบาดด้วย โดยแนะนำให้รัฐบาลคุมเข้มมาตรการสำหรับสถานประกอบการในร่ม จำกัดจำนวนกลุ่มคน และปิดสถานบันเทิงบางประเภท
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อังกฤษประกาศรับมือกับไวรัสโอมิครอนเป็นการฉุกเฉินด้วยการใช้มาตรการ “Plan B” โดยสั่งให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน สวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ และแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนก่อนเข้าร่วมงานสาธารณะ
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษเตือนว่า อังกฤษกำลังเผชิญกับ “คลื่นยักษ์” ของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และวัคซีน 2 โดสไม่เพียงพอที่จะควบคุมไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าว พร้อมกับกล่าวว่ารัฐบาลอังกฤษกำลังเร่งโครงการปูพรมฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ให้กับประชาชน
ถ้อยแถลงนายจอห์นสันมีขึ้นหลังจากทีมนักวิทยาศาสตร์ของอังกฤษประกาศยกระดับการเตือนภัยโควิด-19 สู่ระดับ 4 จากทั้งหมด 5 ระดับ โดยนายจอห์นสันกล่าวว่า โครงการปูพรมฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์จะต้องเร่งดำเนินการให้รวดเร็วขึ้น เนื่องจากขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบว่าไวรัสโอมิครอนก่อให้เกิดโรคที่รุนแรงน้อยกว่าไวรัสสายพันธุ์อื่น ๆ หรือไม่
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ธ.ค. 64)
Tags: COVID-19, ลอนดอน, อังกฤษ, โควิด-19, โอมิครอน