เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษเปิดเผยว่า บรรดาผู้นำยุโรปได้ตกลงที่จะร่างแผนสันติภาพสำหรับยูเครนเพื่อนำไปเสนอต่อสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อให้สหรัฐฯ สามารถให้การรับประกันความปลอดภัยแก่ยูเครน โดยยูเครนมองว่าการรับประกันนี้เป็นสิ่งจำต่อการยับยั้งการรุกรานจากรัสเซีย
ในการประชุมสุดยอดที่กรุงลอนดอนเมื่อวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) เพียงสองวันหลังจากที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ปะทะคารมอย่างดุเดือดกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สหรัฐฯ และได้ตัดสินใจย่นระยะเวลาการเยือนสหรัฐฯ นั้น บรรดาผู้นำของประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะยุโรป ได้ออกมาแสดงท่าทีสนับสนุนปธน.เซเลนสกีอย่างแข็งขัน พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยเหลือยูเครนให้มากขึ้น
สตาร์เมอร์ ซึ่งให้การต้อนรับปธน.เซเลนสกีอย่างอบอุ่นกล่าวว่า สหราชอาณาจักร ยูเครน ฝรั่งเศส และอีกหลายประเทศ จะจัดตั้ง “กลุ่มพันธมิตรที่เต็มใจ (Coalition of the Willing)” และร่างแผนสันติภาพเพื่อนำไปเสนอต่อปธน.ทรัมป์ อย่างไรก็ดี สตาร์เมอร์ไม่ได้ระบุชื่อประเทศอื่น ๆ แต่กล่าวว่ามีอีกประเทศที่เต็มใจเข้าร่วม
“ในวันนี้เรากำลังอยู่ที่ทางแยกของประวัติศาสตร์ นี่ไม่ใช่เวลาของการแค่เพียงพูดคุย แต่เป็นเวลาที่ต้องลงมือทำ และเป็นเวลาที่ต้องลุกขึ้นและมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการร่างแผนสันติภาพฉบับใหม่ เพื่อจะนำมาซึ่งสันติภาพที่ยุติธรรมและยั่งยืน” สตาร์เมอร์กล่าว
ทางด้านปธน.เซเลนสกีกล่าวหลังการประชุมสุดยอดว่า “เอกภาพของยุโรปในครั้งนี้อยู่ในระดับที่สูงมาก ซึ่งเราไม่เห็นเอกภาพเช่นนี้มานานแล้ว ยูเครนและยุโรปกำลังมุ่งมั่นเพื่อหา “จุดร่วม” ในการให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ เพื่อที่ยูเครนจะได้รับสันติภาพและการรับประกันด้านความมั่นคง”
ทั้งนี้ ยุโรปกำลังทุ่มเทความพยายามเพื่อให้แน่ใจว่ายูเครนจะไม่ถูกกีดกันออกจากการเจรจาใด ๆ หลังจากที่การปะทะคารมอย่างดุเดือดระหว่างปธน.ทรัมป์และปธน.เซเลนสกีในห้องทำงานรูปไข่ที่ทำเนียบขาวได้สร้างความกังวลว่า สหรัฐฯ อาจจะยุติการสนับสนุนยูเครนและบังคับใช้แผนสันติภาพที่เจรจากับรัสเซีย
ในการประชุมสุดยอดครั้งนี้ ผู้นำยุโรปยังมีความเห็นตรงกันว่า พวกเขาจะต้องเพิ่มงบประมาณการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศเพื่อแสดงให้ปธน.ทรัมป์เห็นว่ายุโรปสามารถปกป้องตัวเองได้ ขณะที่เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เสนอแนะว่า สหภาพยุโรป (EU) ควรจะผ่อนคลายกฎข้อบังคับเกี่ยวกับเพดานหนี้ของรัฐบาล เนื่องจากหลายประเทศใน EU กำลังประสบปัญหาตึงเครียดด้านการเงิน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 มี.ค. 68)