สถาบันเวสแพค-เมลเบิร์น อินสทิทิวต์เปิดเผยในวันนี้ (16 พ.ค.) ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของออสเตรเลียลดลงในเดือนพ.ค. หลังธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเหนือความคาดหมายในช่วงต้นเดือนพ.ค. และงบประมาณของรัฐบาลกลางที่น่าผิดหวัง ซึ่งทำให้ผู้บริโภคมีมุมมองค่อนข้างเป็นลบต่อแนวโน้มด้านการเงินของภาคครัวเรือนและเศรษฐกิจในประเทศ
รายงานระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคร่วงลง 7.9% สู่ระดับ 79 ในเดือนพ.ค.จากเดือนเม.ย. โดยดัชนีที่อยู่ต่ำกว่า 100 บ่งชี้ว่า จำนวนผู้บริโภคที่มีมุมมองในด้านลบต่อเศรษฐกิจนั้น มีมากกว่าจำนวนผู้บริโภคที่มีมุมมองเป็นบวก
นายบิล อีแวนส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเวสต์แพคกล่าวว่า “ปัจจัยที่สำคัญ 2 ประการที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้แก่การที่ RBA ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเหนือความคาดหมายในเดือนพ.ค. และงบประมาณของรัฐบาลกลาง”
เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา RBA ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดการเงิน เนื่องจากก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า RBA จะคงอัตราดอกเบี้ย โดย RBA ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อซึ่งอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 30 ปีนั้นสูงเกินไปและอาจต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ดี นายอีแวนส์คาดว่า RBA จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. ในขณะที่รอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อและเศรษฐกิจ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 พ.ค. 66)
Tags: ความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, บิล อีแวนส์, ออสเตรเลีย