นายนพพร ศุภพิพัฒน์ อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่ และผู้ก่อตั้ง บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง (WEH) เตรียมยื่นเสนอข้อพิพาทใหม่ต่ออนุญาโตตุลาการ หลังจากนายณพ ณรงค์เดช ระบุว่าศาลอุทธรณ์ของสิงคโปร์พิพากษาว่าไม่ผิดสัญญาซื้อหุ้น WEH โดยไม่ต้องจ่ายเงินส่วนเพิ่ม (Bonus Payment) ที่ค้างชำระ 525 ล้านเหรียญสหรัฐบวกดอกเบี้ย เพราะคำตัดสินนี้ไม่ได้หมายความว่านายณพไม่ได้เป็นหนี้ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ เพราะศาลอุทธรณ์สิงคโปร์มีอำนาจเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาคดีของอนุญาโตตุลาการเท่านั้น แต่ไม่มีอำนาจในการวินิจฉัยในเนื้อหาของคดี เช่นไม่มีอำนาจพิพากษาว่าใครเป็นหนี้ใคร หรือไม่ได้เป็นหนี้ใคร เมื่อศาลอุทธรณ์สิงคโปร์เห็นว่ากระบวนการพิจารณาคดีของอนุญาโตตุลาการยังขาดความสมบูรณ์หรือครบถ้วนก็มีอำนาจที่จะเพิกถอนคำชี้ขาดได้
ในกรณีนี้ศาลอุทธรณ์สิงคโปร์เห็นว่ากระบวนการพิจารณาของคดีอนุญาโตตุลาการในคดีค่าหุ้นส่วนที่เหลือจำนวน 525 ล้านเหรียญ พร้อมดอกเบี้ยผิดนัด และค่าใช้จ่าย ยังขาดความสมบูรณ์ จึงพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาด แต่ก็ชอบที่บริษัทฯ จะนำเสนอข้อพิพาทใหม่ได้หากยังไม่ได้รับการชำระหนี้ โดยจะเรียกเงินค่าหุ้นจำนวน 525 ล้านเหรียญพร้อมดอกเบี้ยผิดนัด และค่าใช้จ่าย อีกครั้ง ต่ออนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศภายในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะมีคำชี้ขาดภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี
“นายณพ ยังมีหนี้ที่จะต้องชำระอยู่ 525 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดตามสัญญาซื้อขายหุ้น ซึ่งค้างชำระมานานกว่า 5 ปี และไม่เคยได้รับการติดต่อจากนายณพ เพื่อแสดงความจริงใจในการชำระหนี้ส่วนนี้เลย ตนจึงต้องขอพึ่งกระบวนการศาลยุติธรรมที่จะเรียกร้องให้ นายณพชำระหนี้ตามสัญญาให้ครบตามจำนวน เพื่อที่ทุกอย่างจะได้จบเสียที”
นายนพพร แถลงผ่านระบบ Zoom ในวันนี้
นายนพพร กล่าวว่า ในสัญญาซื้อขายหุ้น WEH มีมูลค่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐ กำหนดชำระ 2 งวด งวดแรก 175 ล้านเหรียญสหรัฐ และที่เหลือ 525 ล้านเหรียญสหรัฐจ่ายเมื่อโครงการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) 5 โครงการ โดยไม่มีได้มีเงื่อนไข Bonus Payment ซึ่งนายณพจ่ายงงวดแรกไม่ครบ ตนจึงเรื่องข้อพิพาทไปคณะอนุญาโตตุลการจนกระทั่งชนะ รวมแล้วงวดแรกนายณพ จ่ายเงินค่าหุ้นได้เพียง 118.27 ล้านเหรียญสหรัฐ ยังเหลือกว่า 50 ล้านเหรียญ ต่อมางวดที่สองยังไม่ได้มีการจ่าย รวมเงินค้างชำระทั้งสิ้น 762.55 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนั้น เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ได้รับการชำระจากนายณพ และก็มีการโอนหุ้นไปให้ผู้อื่น จึงมีความจำเป็นต้องยื่นคดีหลักต่อศาลในประเทศอังกฤษให้ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันสมคบคิดฉ้อฉล (conspiracy) บริษัท โกลเด้น มิวสิค ของนายณพในประเทศฮ่องกงและพวก รวมถึงอดีตผู้บริหาร WEH เรียกค่าเสียหาย 2,000 ล้านปอนด์ ดังนั้นขณะนี้คดีดังกล่าวจึงเป็นคดีหลักของการฟ้องเรียกหนี้หุ้น WEH ซึ่งจะเริ่มสืบพยานในเดือน ต.ค.65 คาดว่าจะใช้เวลา 3 เดือน หลังจากนั้นคงตัดสินในช่วงต้นปี 66
ปัจจุบันหุ้น WEH ทั้งหมดที่โกลเด้น มิวสิคถือก็ยังคงอยู่ภายใต้คำสั่งห้ามจำหน่าย จ่าย โอน โดยศาลสูงอังกฤษ
นายนพพร กล่าวว่า ปัญหาในวินด์ฯ ทั้งหมดกว่า 5 ปี จะหมดไปหรือไม่ และวินด์ฯ จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับคำตัดสินของศาลสูงอังกฤษในคดีฉ้อฉล ซึ่งกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อฉลหลายคนจะมีผลสำคัญต่อการจบปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด
“เมื่อนายณพ ยังไม่นำเงินมาชำระหนี้ค่าหุ้น ก็จำเป็นที่จะต้องฟ้องร้องเพื่อเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมของตนเองจนกว่าคดีความจะสิ้นสุด หรือนายณพเปลี่ยนใจนำเงินมาชำระหนี้ทั้งหมด ก็พร้อมที่จะจบเรื่อง ที่ผ่านมาผมได้ยินข่าวว่ามีนักลงทุนหลายรายพยายามเข้ามาเจรจาลงทุนซื้อกิจการของวินด์ เพราะเขาเห็นศักยภาพของวินด์ และผู้ถือหุ้นวินด์จะได้เงินตอบแทนที่เหมาะสม แต่ผมไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น นักลงทุนทุกคนหนีหมด”
นายนพพร กล่าวย้ำ
นอกจากนี้ยังมีการฟ้องคดีอาญาข้อหาโกงเจ้าหนี้ต่อนายณพกับพวกในประเทศไทย ซึ่งหลังจากไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ศาลอาญาสั่งประทับรับฟ้องและให้นายณพกับภรรยาประกันตัวไปเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา รวมไปถึงคดีที่นายเกษม ณรงค์เดช ผู้ก่อตั้ง บริษัท เคพีเอ็น แจ้งความให้ดำเนินคดีกับ คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา และพวก ในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารสิทธิและใช้เอกสารปลอม จากกรณีพิพาทคดีหุ้น WEH ตั้งแต่ปี 61
ขณะที่นางสาวนันทิดา กิตติอิสรานนท์ บุตรสาวของนายประเดช กิตติอิสรานนท์ หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ๋ WEH กล่าวว่า เคยเห็นสัญญาซื้อขายหุ้น WEH ระหว่างนายนพพรและนายณพ โดยไม่เคยเห็นเงื่อนไขโบนัสเพย์เมนท์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ก.ค. 64)
Tags: WEH, ณพ ณรงค์เดช, นพพร ศุภพิพัฒน์, วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง