อดีตผถห.ใหญ่วินด์ฯ ยื่นอนุญาโตฟื้นคดีทวงหนี้ “ณพ ณรงค์เดช” พร้อมฟ้องเอาผิดพ.ร.บ.คอมพ์ฯ

นายนพพร ศุภพิพัฒน์ อดีตผู้ถือหุ้น บริษัท วินด์ เอนเนอยี่ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ค.64 ได้มอบหมายให้ทนายยื่นคำร้องขอให้อนุญาโตตุลาการในประเทศสิงคโปร์ดำเนินคดีใหม่ (Request for Arbitration) แล้ว โดยขอให้พิจารณาประเด็นกระบวนการพิจารณาและเนื้อหาทั้งหมดอีกครั้งเพื่อตัดสินประเด็นภาระหนี้ที่นายณพยังค้างชำระเงินจากการซื้อหุ้น วินด์ เอนเนอยี่

ภายหลังจากอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศได้พิจารณาตัดสินชี้ขาดให้นายณพ ชำระหนี้ค่าหุ้นส่วนแรก มูลค่ากว่า 70 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่นายณพยังไม่ได้ชำระหนี้ในส่วนดังกล่าว ขณะที่คำชี้ขาดส่วนที่สองของค่าหุ้นส่วนที่เหลือกว่า 525 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น ตนเองได้ขอพึ่งอนุญาโตตุลาการแห่งประเทศสิงคโปร์ให้ช่วยวินิจฉัยปัญหาอีกครั้งเพื่อชี้ขาดประเด็นเรื่องภาระหนี้ส่วนที่เหลือพร้อมดอกเบี้ยผิดนัด และค่าใช้จ่ายที่นายณพยังค้างชำระ

“มั่นใจว่าการดำเนินคดีครั้งใหม่นี้จะสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นทั้งหมดในกระบวนการพิจารณา รวมไปถึงคาดหวังว่านายณพจะให้ความร่วมมือในการพิจารณาคดีเพื่อให้ผลคำชี้ขาดออกมาโดยเร็ว และในท้ายที่สุดหากคณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดให้ นายณพต้องชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยผิดนัด ก็ขอให้นายณพ ยึดมั่นและดำเนินการตามคำตัดสินของศาล เพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย และปลดล็อคหุ้นวินด์ และสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้จริงในอนาคต”

นายนพพร กล่าว

นอกจากนี้ นายนพพร ยังได้ยื่นฟ้องนายณพ และนางพอฤทัย ณรงค์เดช ภรรยา ในข้อหาเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ตามพ.ร.บ..คอมพิวเตอร์ฯ ภายหลังจากโพสต์ภาพและข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ส่วนตัวบิดเบือนความจริงจนทำให้บุคคลทั่วไปเกิดความเข้าใจผิดในวงกว้าง โดยเฉพาะเรื่องการเผยแพร่คำตัดสินของศาลสิงคโปร์ที่ทำให้ผู้ถือหุ้นวินด์ฯ เข้าใจผิดว่า ข้อพิพาททั้งหมดสิ้นสุดแล้ว และไม่มีหนี้ที่ต้องชำระ ทำให้เกิดความเสียหายต่อตนเอง และคดีความอื่นๆ ที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาอยู่ โดยศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 13 ธ.ค.64 เวลา 13.00 น. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้

“ที่ผ่านมานายณพ พยายามออกข่าวเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงมาโดยตลอด และทุกครั้งตนต้องออกมาชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องภายหลัง แต่ข้อมูลที่บิดเบือนนั้นได้ถูกเผยแพร่ออกไปในวงกว้างแล้ว ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมาก ตนจึงขอใช้สิทธิในฐานะเจ้าหนี้ตามกฎหมาย และเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ถือหุ้นของวินด์ หรือบุคคลภายนอก หรือ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าใจผิดและหลงเชื่อข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง”

นายนพพร กล่าวทิ้งท้าย

นายนพพร กล่าวอีกว่า ข้อเท็จจริงของเรื่องนี้คือคณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำตัดสินชี้ขาดส่วนแรกให้กลุ่มบริษัทของนายณพคือบริษัท ฟุลเลอร์ตัน เบย์ อินเวสต์เมนต์ จำกัด (Fullerton) และบริษัท เคพีเอ็น เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง (KPNEH) ชำระเงินค่าหุ้นงวดแรกและดอกเบี้ยผิดนัดให้แก่กลุ่มบริษัทของตนเอง โดยที่นายณพไม่ได้อุทธรณ์หรือขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดส่วนแรกดังกล่าว คำชี้ขาดส่วนแรกของคณะอนุญาโตตุลาการจึงเป็นที่สุดตามกฎหมาย ดังนั้น เมื่อคำนวณยอดหนี้ค่าหุ้นงวดแรกรวมกับดอกเบี้ยผิดนัดจนถึงปัจจุบันแล้ว Fullerton และ KPNEH ยังคงมีหนี้ค่าหุ้นงวดแรกที่ต้องชำระให้แก่กลุ่มบริษัทของนายนพพรเป็นเงิน 70 กว่าล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนที่เหลือกว่า 525 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยผิดนัด จะขอให้อนุญาโตตุลาการแห่งประเทศสิงคโปร์เพื่อตัดสินต่อไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ส.ค. 64)

Tags: , , ,