นายลอยด์ แบลงค์ไฟน์ อดีตซีอีโอของธนาคารโกลด์แมน แซคส์ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (19 มี.ค.) ว่า วิกฤตธนาคารในสหรัฐนั้นจะกระตุ้นให้เกิดการคุมเข้มด้านการปล่อยสินเชื่อโดยรวม จนชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ นายแบลงค์ไฟน์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นเมื่อวันอาทิตย์ว่า “แน่นอนว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้ต้องมีการดำเนินการคล้ายคลึงกับการขึ้นดอกเบี้ย โดยธนาคารจำเป็นต้องสร้างความสมดุล ท่างกลางแรงกดดันและความไม่แน่นอน โดยต่อไปธนาคารจะนำเงินฝากของลูกค้าไปปล่อยกู้น้อยลง ซึ่งการปล่อยสินเชื่อน้อยลงนั้นจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตชะลอตัว ดังนั้นก็เท่ากับธนาคารพาณิชย์ช่วยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำภารกิจชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจ”
หุ้นกลุ่มการเงินสูญเสียมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ธนาคาร ซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) และซิกเนเจอร์ แบงก์ (Signature Bank) ล้มเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐกล่าวเมื่อวันศุกร์ (17 มี.ค.) ว่า วิกฤตการณ์ธนาคารสงบลงแล้วและเงินฝากของชาวอเมริกันนั้นปลอดภัยดี
ขณะที่ นายแกรี โคห์น ซึ่งเคยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจให้กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ และเป็นอดีตประธานของโกลด์แมน แซคส์ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสนิวส์ว่า ขณะนี้นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก
ทั้งนายโคห์นและนายแบลงค์ไฟน์ต่างคาดการณ์ว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมสัปดาห์นี้ แต่เฟดอาจต้องระงับการขึ้นดอกเบี้ยและประเมินสถานการณ์อีกครั้งหลังจากนั้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 มี.ค. 66)
Tags: ธนาคารสหรัฐ, สินเชื่อ, เศรษฐกิจชะลอตัว, เศรษฐกิจสหรัฐ, โกลด์แมน แซคส์