นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมพรรคเมื่อวานนี้ (29 ส.ค.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ได้แสดงเจตจำนงต่อที่ประชุมว่าจะขอลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคฯ ตามที่เคยกล่าวไว้หลายครั้งในช่วงหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมาว่าหากพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรค 2 ลุง จะขอลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งการลาออกจากหัวหน้าพรรค จะมีผลทำให้กรรมการบริหารชุดปัจจุบัน ต้องพ้นหน้าที่ไปทั้งหมด และจะต้องมีการเลือกชุดใหม่ภายใน 60 วันหลังจาก นพ.ชลน่าน ลาออก
ทั้งนี้ ส่วนตัวรู้สึกเสียดายกับการเป็นหัวหน้าพรรคของ นพ.ชลน่าน และอยากให้กลับมาเป็นหัวหน้าอีกครั้ง ขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่มีแคนดิเดตหัวหน้าพรรค แต่ส่วนตัวเห็นว่านายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯ และอดีต รมว.คลัง หรือนายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ และอดีต รมว.ต่างประเทศ มีความเหมาะสมเป็นหัวหน้าพรรคได้
นายอดิศร ยอมรับว่า การลาออกของ นพ.ชลน่าน ไม่สามารถลดแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นได้ เพราะผู้สนับสนุนพรรคที่ไม่พอใจ ก็ยังคงไม่พอใจอยู่
“เพราะวันที่ 8 หรือ 9 ก.ย. ก็จะแถลงนโยบายรัฐบาลแล้ว เราจะได้บริหารประเทศ และคงไม่กล้านำกรณีของ นพ.ชลน่าน ไปเปรียบเทียบกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์” นายอดิศร กล่าว
ส่วนที่เคยประกาศไว้ว่าจะเป็นฝ่ายค้านอิสระหากพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรค 2 ลุงนั้น นายอดิศร กล่าววว่า มีความคิดไม่แตกต่างกับ นพ.ชลน่าน แต่ได้ถูกวางตัวให้เป็นประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (ประธานวิปรัฐบาล) แล้ว เพื่อทำหน้าที่ประสานงานและดูระเบียบวาระการประชุม เช่น การจัดทำประชามติ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การเกณฑ์ทหาร เป็นต้น ตลอดจนดูเรื่องกฎหมายของทุกพรรคการเมือง ซึ่งตนเป็นคนชอบสภาฯ จึงขออนุญาตทำหน้าที่เป็นประธานวิปรัฐบาล ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่ากับรองนายกรัฐมนตรี
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าที่รัฐมนตรี 2-3 คนจากพรรคเพื่อไทย จะไม่ผ่านคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี โดยเฉพาะนายพิชิต ชื่นบาน ทนายความของตระกูลชินวัตร เป็นรองนายกฯ นั้น นายอดิศร กล่าวว่า ไม่มีใครขาดคุณสมบัติ สำหรับนายพิชิต ไม่ได้ทำความผิดและพ้นเวลาละเมิดอำนาจศาลมาแล้ว ซึ่งอัยการสั่งไม่ฟ้อง แต่รู้สึกเสียดายนายชูศักดิ์ ศิรินิล ที่เดิมมีชื่อว่าจะเป็นรองนายกฯ ตั้งแต่ครั้งแรก
“ที่พูด ไม่ได้ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง แต่นายชูศักดิ์ มีลักษณะคล้ายกับนายวิษณุ เครืองาม จึงเป็นห่วงว่าฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลจะเข้มแข็งไม่พอ และความสามารถของนายชูศักดิ์ ก็เป็นที่ยอมรับ ซึ่งก็คงได้แต่แสดงความเป็นห่วง” นายอดิศร ระบุ
ส่วนการแก้ปัญหาสภาล่มนั้น ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ สส.ทำยากที่สุด คือการมาประชุมสภา เพราะจะมีคนมาพบ มาพูดคุยอยู่ตลอด ซึ่งเป็นมาทุกสมัย แต่ก็ขอร้องว่าถ้าทั้งสองฝ่ายให้ความร่วมมือ กฎหมายก็จะผ่านสภาฯ ได้ และเชื่อมั่นว่าคะแนนที่รัฐบาลรวมได้ 300 กว่าเสียง น่าจะเพียงพอในการบริหาร แต่ก็ขอร้องให้ สส.ทุกพรรคการเมืองเข้าร่วมประชุม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ส.ค. 66)
Tags: การเมือง, พรรคเพื่อไทย, อดิศร เพียงเกษ