นักวิเคราะห์ฯระบุ ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ ได้แรงหนุนจากตลาดสหรัฐที่เป็นบวกจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนดีกว่าคาด และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงจากความตึงเครียดในตะวันออกกลางหนุนให้ Trading ได้ ขณะที่ปัจจัยในประเทศกระทรวงการคลังเตรียมออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยให้เข้าถึงอสังหาฯราคาถูก และหารือกับธปท.เพื่อผ่อนปรนมาตรการ LTV อย่างไรก็ตามการซื้อขายวันนี้น่าจะเบาบางตามตลาดภูมิภาค เนื่องจากหยุดช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยให้กรอบแนวรับ 1,380 จุด และแนวต้าน 1,395 จุด
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ ได้แรงหนุนจากตลาดสหรัฐที่เป็นบวกจากผลประกอบบริษัทจดทะเบียนโดยรวมออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยช้ากว่าคาด และราคาน้ำมันดิบที่เมื่อคืนนี้ปรับขึ้นแรงประมาณ 2% จากความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ยังมีสูง หนุนให้ Trading ได้
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ เมื่อวานนี้กระทรวงการคลังเตรียมออกมาตรการทางการคลังเพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยให้เข้าถึงอสังหาฯราคาถูกไม่เกิน 1.5 ล้านบาท รวมทั้งอยู่ระหว่างการหารือและเจรจาร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อขอให้มีการผ่อนปรนมาตรการควบุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ซึ่งเป็น Sentiment บวกอ่อนๆ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มก่อสร้าง
อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อขายน่าจะเบาบางตามตลาดภูมิภาคที่หลายตลาดปิดทำการในเทศกาลตรุษจีน ทำให้กรอบการขึ้นน่าจะจำกัด โดยให้กรอบแนวรับ 1,380 จุด และแนวต้าน 1,395 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (8 ก.พ.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,726.33 จุด เพิ่มขึ้น 48.97 จุด หรือ +0.13%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,997.91 จุด เพิ่มขึ้น 2.85 จุด หรือ +0.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,793.72 จุด เพิ่มขึ้น 37.07 จุด หรือ +0.24%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดตลาดที่ระดับ 15,709.30 จุด ลดลง 168.77 จุด หรือ -1.06% ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดที่ระดับ 36,915.44 จุด เพิ่มขึ้น 52.16 จุด หรือ +0.14% และในการซื้อขาย 15 นาทีแรกหลังเปิดตลาด ดัชนีนิกเกอิบวก 138.48 จุด หรือ +0.38% สู่ระดับ 37,001.76 จุด หลังพุ่งขึ้นทะลุระดับ 37,100 จุดในช่วงสั้น ๆ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 34 ปี โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มส่งออก เนื่องจากเยนอ่อนค่าลง รวมถึงแรงหนุนจากหุ้นบลูชิพซึ่งรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ส่วนตลาดหุ้นจีน ปิดทำการในวันนี้เนื่องในเทศกาลตรุษจีน
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 ก.พ.67) ที่ 1,388.60 จุด ลดลง 11.42 จุด (0.82%) มูลค่าซื้อขาย 43,082.48 ล้านบาท
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 2.36 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 76.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 ก.พ.67) อยู่ที่ 9.91 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.89 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่ารอบ 3 เดือน หลังข้อมูลแรงงานสหรัฐหนุนดอลลาร์แข็งค่า
- “สุรพล” เครดิตบูโร ชี้เศรษฐกิจไทยยังไม่พ้นวิบากกรรม “หนี้ครัวเรือน” ยังเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง ในปี 66 “หนี้เสียรถยนต์” พุ่งส่งผล หนี้เสียรถพุ่ง 2.3 แสนล้าน เพิ่มขึ้น 28% ขณะที่ “หนี้บ้าน” น่าห่วงเป็นหนี้เสีย แล้ว 1.8 แสนล้าน ค้างชำระหนี้อีก 1.78 แสนล้าน เพิ่ม 31% ฉุดเศรษฐกิจไทยติด 3 บ่วง “หนี้ครัวเรือนค้างยาวนาน-หนี้รถฝีแตก-หนี้บ้านอาการน่าห่วง”
- หอการค้าไทยรับสินค้าจีนทะลักไทย เพราะต้นทุนต่ำ ซ้ำเติมเอสเอ็มอีไทย ด้านพาณิชย์พร้อมใช้มาตรการ AD แนะคนไทยเลือกใช้สินค้าคุณภาพ “พาณิชย์” ประสาน “กรมศุลกากร” สกัดสินค้าลักลอบนำเข้า พร้อมศึกษาผลกระทบเอฟทีเออาเซียน-จีน
- “ชัชชาติ” ตั้ง กก.ศึกษาความเป็นไปได้ หลัง “บีทีเอส” หมดสัมปทานปี 72 ก่อนสรุปใช้แนวทางใหม่ หรือเดินตามคำสั่ง คสช. ภายใน 5 เดือน
- คลังเร่งกระตุ้น ศก.ให้หน่วยงานรัฐเปิดประมูลงานไปก่อนไม่ต้องรองบ 67 ผ่าน ชง ธปท.ผ่อนเกณฑ์แอลทีวี ‘ภูมิธรรม’ปลื้มผลงานราคาพืชเกษตรพุ่ง ทั้งข้าว-ยาง-ปาล์ม-มัน
หุ้นเด่นวันนี้
- MINT (ฟินันเซียไซรัส) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 44 บาท รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/66 ที่ 984 ล้านบาท แต่หากหักรายการพิเศษออก กำไรปกติจะอยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท +5% q-q, +10% y-y หนุนจากธุรกิจโรงแรมที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะไทยทั้งในด้านรายได้และ Margin ส่วนธุรกิจอาหารภาพรวมผลการดำเนินงานทรงตัว จบปี 66 มีกำไรปกติ 7.1 พันล้านบาท +254% y-y
โมเมนตัมปี 67 คาดว่ายังแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยคาดธุรกิจโรงแรมยังเป็นปัจจัยหลักทั้งในยุโรปที่คาดได้อานิสงส์จากฟุตบอลยูโรและโอลิมปิก ส่วนไทยคาดเร่งตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยว นอกจากนี้คาดว่าจะเห็นการทยอยคืนหนี้ทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง คาดกำไรปกติปี 67 ที่ 8 พันล้านบาท +13% y-y - BCP (ดาโอ) แนะนำ ซื้อ เป้าเชิงกลยุทธ์ 45 บาท ค่าการกลั่นน้ำมันในเวลานี้ ถือว่าค่อนข้างดี โดยอิงน้ำมันดิบ Brent อยู่ราวๆ 15 เหรียญ/บาร์เรล กำไรไตรมาส 4/66 อาจมี loss จากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง แต่ได้เรื่องกำไรส่วนอื่นๆ เข้ามาชดเชย (ไม่รวมรายการพิเศษ)
เราประเมินว่าบริษัทจะรายงานผลขาดทุนสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ -1.3 พันล้านบาท (เทียบกับ 4Q22/3Q23 ที่กำไร 473 ล้านบาท และ 1.10 หมื่นล้านบาท)
แนวโน้ม BCP มีความน่าสนใจในปี 67-68 จากการควบรวมกับ BSRC (ESSO เดิม) ทำให้กำลังการกลั่น (refining capacity) รวมเพิ่มขึ้น +145% เป็น 294 kbd กลายเป็นโรงกลั่นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย , ธุรกิจ E&P รับรู้ผลประกอบการจากแหล่ง Statfjord ส่งผลให้ปริมาณขายเพิ่มขึ้นเป็น 35.3-38.1 kboed ในปี 67-68 จาก 16.2 kboed ปี 65 - TOP (ลิเบอเรเตอร์) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 55.00 บาท แม้คาดกำไรไตรมาส 4/66 จะไม่เด่น ตามทิศทางค่าการกลั่นที่ชะลอตัว และการบันทึก Stock Loss แต่มีแนวโน้มเชิงบวกในช่วงไตรมาส 1/67 จากค่าการกลั่นที่ปรับขึ้นเด่นกว่า +51%QTD คาดจะช่วยชดเชยการปิดซ่อมบำรุงในช่วงไตรมาส 1/67 ได้
อีกทั้งส่วนต่างอะโรแมติกส์เริ่มฟื้นตัว คาดเป็นแรงหนุนเพิ่มเติม ผสานกับ Valuation ปัจจุบันที่เทรด PBV 0.7 เท่า มีอัตราปันผลในระดับที่น่าสนใจ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.พ. 67)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย