นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลง ตามจิตวิทยาเชิงลบต่างประเทศ จากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และนักลงทุนรอดูการประชุมเฟดในต้นเดือนพ.ค. ซึ่งเฟดน่าจะคุมเข้มนโยบายการเงิน และนำ QT เข้ามาใช้ด้วยขณะเดียวกันตลาดหุ้นไทยเองก็ยังไม่มีปัจจัยใหม่หนุน ส่วนการกลับเข้ามาเทรดของ SCB น่าจะพยุงตลาดได้ในช่วงเปิดทำการซื้อขาย ให้แนวรับ 1,655 จุด และแนวต้าน 1,675 จุด
นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลง ตามจิตวิทยาเชิงลบของต่างประเทศ จากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว จากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อ และจีนประกาศล็อกดาวน์ เพื่อคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อีกทั้ง นักลงทุนยังรอดูการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ในช่วงต้นเดือนพ.ค.นี้ ซึ่งมีโอกาสสูงที่เฟดจะคุมเข้มนโยบายการเงินและนำ Quantitative Tightening (QT) เข้ามาใช้ ทำให้กระแสเงินทุนส่วนเกินจะถูกดูดกลับไป สภาพคล่องก็จะลดลง
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังไม่มีปัจจัยใหม่ รวมถึงดัชนีค่าเงินดอลล่าร์ก็ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่า นักลงทุนก็คงจะชะลอการลงทุนออกไป อย่างไรก็ตามการกลับเข้ามาเทรดของหุ้น SCB ในวันนี้คาดว่าน่าจะช่วยพยุงตลาดได้ในระดับหนึ่งในช่วงเปิดทำการซื้อขาย
ให้แนวรับ 1,655 จุด และแนวต้าน 1,675 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (26 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,240.18 จุด ลดลง 809.28 จุด หรือ -2.38%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,175.20 จุด ลดลง 120.92 จุด หรือ -2.81% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,490.74 จุด ลดลง 514.11 จุด หรือ -3.95%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,313.14 จุด ลดลง 386.97 จุด หรือ -1.45% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,866.82 จุด ลดลง 19.61 จุด หรือ -0.68% และตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,723.46 จุด ลดลง 211.25 จุด หรือ -1.06%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 เม.ย.) ที่ระดับ 1,668.97 จุด ลดลง 6.36 จุด, -0.38%
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 20.14 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 เม.ย.65
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.(26 เม.ย.) เพิ่มขึ้น 3.16 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 101.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 เม.ย.) อยู่ที่ 19.09 ดอลลาร์/บาร์เรล
– เงินบาทเปิดตลาดวันนี้ 34.30 อ่อนค่าสุดในรอบ 5 ปี
– นายกฯ ยอมรับขึ้นดีเซลกระทบค่าครองชีพ-เงินเฟ้อ “พาณิชย์” จับตาสินค้า 18 กลุ่ม ขอความร่วมมือตรึงราคา ชี้ต้องปรับขอให้ขึ้นราคาน้อยที่สุด “สุพัฒนพงษ์” เร่งทำแผนปรับราคาแบบขั้นบันได คาดได้ข้อสรุปใน 2-3 วัน ชี้ ประเมิน 3 เดือน ลอยตัวดีเซลหรือไม่ กบน.ถกเครียด ยันพิจารณาข้อมูลทุกฝ่ายรอบด้าน เผยแผนเงินกู้ 2 หมื่นล้าน ยังเดินตามขั้นตอน
– “อนุทิน” มั่นใจควบคุมสถานการณ์โควิด 19 ได้ ประกาศให้ภาคธุรกิจ “Go On” เตรียม 3 พอไว้รับมือ นำไทยกลับคืนสู่ “ซูเปอร์เพาเวอร์” เล็งใช้ “วัคซีนพาสปอร์ต” แทน Thailand Pass หลัง 1 พ.ค. ประเมินเปิดประเทศ สปสช.เปิดตัว แอป SPRING UP พบแพทย์ออนไลน์ ส่งยาถึงบ้านใน “กทม.-ปริมณฑล” 26 เม.ย. ประกันสังคมเปิดฮอสพิเทลต่อจนกว่าโควิดจะคลี่คลาย ขณะที่ ‘ปักกิ่ง’ ตรวจหาเชื้อโควิด เจอหนึ่งคนสั่งกักตัวทั้งคอนโดฯ
– “จุรินทร์” เผยส่งออก มี.ค.65 ทำได้ 28,859.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 19.5% ขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่อง 13 เดือนติดต่อกันมูลค่าสูงสุดในรอบ 30 ปี นับตั้งแต่บันทึกสถิติมา
– ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกหนังสือเวียนแนวทางการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการให้ความช่วยเหลือและการทำข้อตกลงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้นิติบุคคล เพิ่มเติมจากลูกหนี้เอสเอ็มอี ประเภทบุคคลธรรมดา เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมให้ความช่วยเหลือลูกหนี้และการทำข้อตกลงปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้รวดเร็วขึ้น สามารถลดการเดินทาง การพบหน้า โดยมีกระบวนการที่ปลอดภัยยอมรับได้ นอกจากนั้น ช่องทางดิจิทัลที่พัฒนาขึ้นมาแล้วในขณะนี้จะเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานในอนาคตสำหรับการทำธุรกรรมทางการเงินที่สอดรับกับการปรับเปลี่ยนเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล โดยพิจารณาควบคู่กับความเสี่ยงของธุรกรรม ความพร้อมของผู้ประกอบธุรกิจและความพร้อมของลูกหนี้
– 17 สมาคมท่องเที่ยวส่งหนังสือเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ชง 3 ข้อเสนอบรรเทาความเดือดร้อนจากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม ภายใต้ผลกระทบโควิด-19 ยัน “ภาษีที่ดิน” 100% ธุรกิจไปต่อไม่ได้ วอนขอให้ทบทวนลดหย่อนการจัดเก็บภาษีออกไปอีก 2 ปี
*หุ้นเด่นวันนี้
– CHAYO (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 17.2 บาท แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 1/65 ยังดี ยอดติดตามหนี้ทำได้เพิ่มขึ้นหลังจากเปิดเมือง สถาบันการเงินเร่งขายหนี้เสีย (NPL) มากขึ้นหลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ และวันนี้มี Sentiment บวกจากข่าวเตรียมจับมือกับ KBANK เพื่อจัดตั้ง JVAMC เพื่อบริหารหนี้เสีย
– HMPRO (พาย) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 17 บาท คาดกำไรไตรมาส 2/65 จะเติบโตต่อเนื่อง YoY และ QoQ โดยได้รับแรงหนุนจาก (1) ช่วงไฮซีซั่นฤดูร้อน (สินค้าเครื่องปรับอากาศจะขายดี) (2) กิจกรรมส่งเสริมการขาย (Homepro Super Expo) และ (3) รายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้น
– CPN (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 62.00 บาท คลายล็อกดาวน์และเปิดประเทศ หนุนปริมาณ Traffic กลับสู่ปกติ รวมทั้งรับรู้รายได้เปิดศูนย์การค้าใหม่ 2 แห่ง เซ็นทรัลอยุธยาและเซ็นทรัลศรีราชาเต็มปี กลางปีเตรียมเปิดเซ็นทรัลจันทบุรีเพิ่ม รวมถึงรับรู้ SF ที่ถือหุ้น 96.24% ส่งผลบวกต่อกำไรเพิ่มระยะยาวจากการขยายพอร์ตสู่ Community mall และศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่างเมกาบางนา กำไรปกติปี 65 คาดราว 9.3 พันล้านบาท EPS 2.08 บาท/หุ้น เติบโตราว 40%YoY ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง Net D/E ที่ 0.8x ต่ำกว่า Covenant ที่ 1.75x รองรับการขยายธุรกิจ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 เม.ย. 65)
Tags: SET, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย