หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้ารีบาวด์ตามตลาดเอเชียฟื้นตัว- ราคาน้ำมันพุ่ง

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ ปรับตัวขึ้นทางเทคนิคตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้นเอเชียและราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นหลังสหรัฐจะระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย ให้แนวรับที่ 1,600-1,610 จุด และแนวต้าน 1,625-1,633 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นทางเทคนิค เป็นไปตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย หลังปรับตัวลงไปค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา และได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นเกือบ 4% หลังสหรัฐจะระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน โดยมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้รัสเซียไม่สามารถส่งน้ำมันมายังท่าเรือสหรัฐ ซึ่งสหรัฐมีการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียราว20 ล้านบาร์เรล/เดือน ทำให้คาดว่าจะช่วยหนุนกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นวันนี้

ให้แนวรับไว้ที่ 1,600-1610 จุด และแนวต้าน 1,625-1,633 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (8 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,632.64 จุด ลดลง 184.74 จุด หรือ -0.56%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,170.70 จุด ลดลง 30.39 จุด หรือ -0.72% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,795.55 จุด ลดลง 35.41 จุด หรือ -0.28%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 24,876.49 จุด เพิ่มขึ้น 85.54 จุด หรือ +0.35% , ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,303.71 จุด เพิ่มขึ้น 10.18 จุด หรือ +0.31% ส่วนดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,820.02 จุด เพิ่มขึ้น 54.15 จุด หรือ +0.26%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 มี.ค.) ที่ระดับ 1,619.10 จุด ลดลง 7.60 จุด, -0.47%

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,756.03 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 มี.ค.65

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น พุ่งขึ้น 4.30 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 123.70 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 มี.ค.) อยู่ที่ 11.69 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.13 แนวโน้มผันผวนทางอ่อนค่า ให้กรอบเคลื่อนไหววันนี้ 33.00-33.30

– “คลัง-ธปท.-ตลท.” จับตาสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน หลังตลาดหุ้นไทยร่วงหนัก ยันยังไม่ออกมาตรการดูแล “ภากร” ชี้ระยะสั้น “มีความไม่แน่สูง” คาดฟันด์โฟลว์ไหลเข้าต่อเนื่อง ถึงไตรมาส 2/65 “บล.เอเซียพลัส” มองยืดเยื้อกระทบ เศรษฐกิจโลกชะลอตัว บล.หยวนต้า คาดดัชนีผันผวน รอผลเจรจา 10 มี.ค. นี้ เชื่อไม่หลุด 1,570 จุด

– กพช.ถกวันนี้ รับมือ ด้านพลังงาน บรรเทาผลกระทบรัสเซียยูเครน เพิ่มกรอบตรึงราคาน้ำมันดีเซล ขยาย สภาพคล่องกองทุนน้ำมัน ชะลอจ่ายหนี้ คู่ค้า เร่งหาเงินกู้ เตรียมเพิ่มสำรองน้ำมันสร้างความมั่นคง “พาณิชย์” ยันมาตรการคุม ราคาสินค้า ไม่ปล่อยขึ้นราคา ด้านผู้ผลิตเตือนจับตาไตรมาส 2 พาเหรดขึ้นราคา แน่นอน

– ครม.อนุมัติเบิกจ่าย “UCEP โควิดพลัส” ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติเหลือง-แดงมีสิทธิรักษาฟรีทุกที่ มีผลบังคับใช้ 16 มี.ค.นี้ ส่วนติดโควิด19 รักษาฟรีตามสิทธิ กรณีทำงานต่างพื้นที่ใช้บริการรพ.เครือข่ายกองทุนได้ กรมบัญชีกลางปรับลดอัตราค่ารักษาพยาบาลโควิด-19 ให้สอดคล้องกับต้นทุนในปัจจุบันเพื่อให้การเบิกจ่ายเงินงบประมาณเป็นไปอย่างคุ้มค่า

– “นายกสมาคมบลจ.” เผยกองทุน เกาะติดสงครามรัสเซีย-ยูเครน เข้าสู่โหมดระมัดระวัง-ขายลดความเสี่ยง ด้าน บลจ.กสิกรไทย ลดพอร์ตสินทรัพย์เสี่ยงเน้น ถือเงินสด รอจังหวะเข้าซื้อ-

– ครม.ไฟเขียวร่างกฎหมายยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลถึงสิ้นปี 2566 หลังตลาดคริปโตเคอร์เรนซีบูมขยายตัวดันมูลค่าพุ่ง

– กรมการค้าภายใน สยบข่าว “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” ขึ้นราคา ยันคุยผู้ผลิตแล้ว มั่นใจตรึงราคาขายปลีกได้แน่ ยืนยันขึ้นแค่ราคาขายส่ง ไม่ได้ขึ้นราคาขายปลีก ส่วนสินค้าอื่นๆ ถ้าจะขึ้นราคาต้องทำเรื่องมาที่กรม พร้อมพิจารณาให้เป็นรายๆ แต่ยืนยันขณะนี้ยังขอความร่วมมือตรึงราคาและไม่มีนโยบายให้ขึ้นราคาแน่นอน

หุ้นเด่นวันนี้

– TOP (กรุงศรี)”ซื้อ” เป้า 63 บาท ไตรมาส 1/65 แนวโน้มกำไรพุ่งแรงได้ประโยชน์ 2 เด้งจาก 1) ค่าการกลั่นฟื้นตัวสู่ระดับ 7-8 เหรียญ/บาร์เรล เทียบไตรมาส 4/64 ที่ 6 เหรียญ/บาร์เรล และ 2)ราคาน้ำมันดิบพุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 14 ปีหนุนหุ้นโรงกลั่นบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบจำนวนมาก

– TIDLOR (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 42.00 บาท คาดสินเชื่อปี 65 โต 30%YoY เริ่มขยับรุกสินเชื่อรถบรรทุกมากขึ้น ด้านธุรกิจนายหน้าประกันภัยเติบโตสูงหนุนรายได้รวมโตตามเป้า หุ้นสาย Domestic Play ยังได้เปรียบในสถานการณ์ที่ตลาดโลกผันผวน ด้านราคาหุ้น TIDLOR ปัจจุบันกลับมาสูงกว่าระดับ IPO แล้วคาดความเชื่อมั่น นลท. กลับมาพร้อมไปต่อ KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 4 พัน ลบ. และ 5.2 พัน ลบ. +29%YoY, +28%YoY ตามลำดับ

– SAWAD (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” เป้าหมาย 74 บาท คาดกำไรปี 2565 เติบโตเร่งตัวอย่างมีนัยยะ +16% Y-Y ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ผู้บริหารตั้งเป้าหมายเชิงรุก สินเชื่อเติบโต 20-30% Y-Y NIM ปรับตัวขึ้น และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ฟื้นตั้งเป้าเป็น One-Stop Financial Services Provider ทั้งสินเชื่อจำนำทะเบียน สินเชื่อมอเตอร์ไซค์ สินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้า และโบรคเกอร์ประกัน ขณะที่ Valuation ปัจจุบันถูกกว่าอดีตมาก เทรด PER เพียง 14.2 เท่า

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มี.ค. 65)

Tags: , ,