นักวิเคราะห์ฯคาดแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดแกว่งในกรอบ แต่ยังมีปัจจัยหนุนจากจีนเปิดเผยรายงานพิเศษเห็นสัญญาณบริโภคดีขึ้นช่วยหนุนSentiment จับตาการประชุมเฟดและ BOJ ในสัปดาห์นี้ พร้อมให้แนวต้าน 1,180-1,185 จุด แนวรับ 1,160-1,165 จุด
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.) เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวในกรอบ แต่ย่งมีแรงหนุนจากแนวโน้มของเศรษฐกิจจีนที่ขึ้นเข้ามาช่วยหนุน Sentiment อยู่บ้าง หลังจากที่จีนมีการเปิดเผยรายงานพิเศษเมื่อวานนื้มีสัญญาณของการบริโภคที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามในสัปดาห์นี้ยังคงต้องติดตามการประชุมของธนาคารกลางใหญ่ ได้แก่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งยังคงต้องต์ดตามเกี่ยวกีบท่าทีของการดำเนินนโยบายการเงินในระยะต่อ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เปิดมาส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก
โดยให้แนวต้าน 1,180-1,185 จุด แนวรับ 1,160-1,165 จุด
ขณะที่ บล.ลิเบอเรเตอร์ ระบุว่า คาดว่าการประชุมเฟด 19 มี.ค. จะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.25-4.50% ตามเดิม แม้ว่าภาพเงินเฟ้อสหรัฐฯจะเริ่มชะลอตัวเล็กน้อย รวมทั้งภาพเศรษฐกิจสหรัฐก็เริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้น แต่ยังเชื่อเฟดจะยังรอดูความชัดเจนของนโยบายภาษีของทรัมป์ก่อนตัดสินใจลดดอกเบี้ยในช่วงกลางปีนี้ ส่วนการประชุมธนาคารกลางอังกฤษคาดคงดอกเบี้ยที่ระดับ 4.5% เช่นกัน
ส่วนปัจจัยในประเทศสัปดาห์นี้ต้องเกาะติดการรายงานตัวเลขส่งออกไทยคาดยังขยายตัวได้ดี ผสานกับจับตาการประชุม ครม. จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ เพิ่มเติมหรือไม่ สำหรับ SET ประเมินว่าระดับปัจจุบันตอบรับปัจจัยลบต่างๆ ไปมากแล้ว โดย Valuation ลงมาเทรดที่บริเวณ PE 12.3 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ไม่แพง ดังนั้น จึงมอง SET อยู่ในระดับที่น่าทยอยสะสม โดยเน้นกลุ่มหุ้นโซนล่างที่แนวโน้มกำไรยังขยายตัวได้ดี
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (14 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,488.19 จุด เพิ่มขึ้น 674.62 จุด หรือ +1.65%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,638.94 จุด เพิ่มขึ้น 117.42 จุด หรือ +2.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,754.09 จุด เพิ่มขึ้น 451.07 จุด หรือ +2.61%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 37,453.83 จุด เพิ่มขึ้น 400.73 จุด หรือ +1.08% ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดที่ระดับ 3,430.81 จุด เพิ่มขึ้น 11.25 จุด หรือ +0.33% ดัชนีฮั่งเส็งเปิดที่ระดับ 24,226.00 จุด เพิ่มขึ้น 266.02 จุด หรือ +1.11%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 มี.ค.) 1,173.76 จุด เพิ่มขึ้น 14.12 จุด, +1.22% มูลค่าซื้อขาย 38,624.22 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (14 มี.ค.) 110.13 ลบ.
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.(14 มี.ค.) เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 0.95% ปิดที่ 67.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 มี.ค.) อยู่ที่ 4.22 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 33.63 ทรงตัวจากวันศุกร์รอจับตาประชุมเฟด
– “ทักษิณ ชินวัตร” เปิดวิสัยทัศน์ในเวที The World’s Next Opportunities and Beyond เผยประเทศไทยมีศักยภาพก้าวขึ้นเป็น “ดิจิทัลฮับ” เร่งทำ Sandbox-Stable Coin ผูกกับพันธบัตรรัฐบาล คาดชัดเจน 2-3 เดือนนี้ พ่วงทำ “บล็อกเชน” ของประเทศ เริ่มภายในปีนี้ พร้อมลดค่าไฟเหลือ 2.02-2.35 บาทหวังดึงต่างชาติลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย ย้ำธุรกิจการแพทย์ อาหาร ท่องเที่ยว จะช่วยขับเคลื่อนไทยไปข้างหน้า
– “นายกฯอิ๊งค์” นัดหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลดินเนอร์นัดพิเศษ 21 มี.ค. หารือรับศึกอภิปราย ที่ รร.โรสวูด รอบนี้ รทสช. เจ้าภาพ ด้าน “อนุสรณ์” ชี้รัฐบาลถอยแล้ว แนะฝ่ายค้านยอมถอยเรื่องกรอบเวลา เพื่อให้การอภิปรายเดินหน้า “วิสุทธิ์” เผย ‘พท.’ รอเคาะเวลา ‘ซักฟอก’ 18 มี.ค.นี้ นายกฯปลื้มขอบคุณโพลพอใจรัฐบาล หลังผลโพลชี้ ประชาชน พึงพอใจผลงาน “รัฐบาลแพทองธาร รอบ 6 เดือน” ชื่นชอบนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ยกให้ ก.คมนาคม ขึ้นแท่นเบอร์ 1
– เจออีกศพที่ 6 คนงานหนุ่มชาวเมียนมา เหยื่อโครงการก่อสร้างทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ถนนพระราม 2 พังถล่ม ด้าน กทพ.แจงเร่งกู้ซากรื้อย้ายคานทางด่วนถล่มออกจากจุดเกิดเหตุคืบหน้าแล้วกว่า 40% ตั้งเป้าเปิดใช้ทางด่วนเฉลิมมหานครด่านดาวคะนองขาเข้าได้ภายใน 7 วัน ขณะที่ขาออกเปิดให้ได้ภายใน 30 วัน “บัญชีกลาง”แจง คลังชงครม.แก้กฎหมายเข้มไล่บี้ผู้รับเหมาไปแล้ว ยันไม่ได้ล่าช้าอยู่ระหว่างรับฟังความเห็นตามขั้นตอน ส่วน “สมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย” ลั่น หมดเวลาถอดบทเรียน ปัญหาโครงสร้างสาธารณะถล่มต้องแก้ที่ต้นตอ แนะ 7 มาตรการ ขณะที่ “กทพ.” แย้มรู้ปมเหตุถล่มแล้วแต่ขออุบไว้ก่อนไม่อยากชี้นำรอคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญสรุปผลเองคาดไม่เกิน 20 วัน
– โบรกมอง “ฟันด์โฟลว์” ระยะข้างหน้า “ไหลออก” ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขาย “ลดเสี่ยง” จากความ “ผันผวน” นโยบาย กีดกันการค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้น-บจ.จ่ายปันผล กดดันเงินอ่อนแตะ 35 บาทต่อดอลลาร์ แม้เงินต่างชาติไหลเข้าตลาดบอนด์ จับตาเงินทุนไหลออกหุ้นสหรัฐสูงสุดในปีนี้ หนีหุ้นสหรัฐหันซื้อหุ้นจีน หลังสงครามการค้า ปลุกตลาดหุ้นจีนฟื้น
หุ้นเด่นวันนี้
– SCGP (เคจีไอ) ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่ 19.00 บาท ขับเคลื่อนโดยมาตรการกระตุ้นการคลังที่แข็งแกร่งขึ้นของจีนในปี 68 ที่มุ่งเป้าการบริโภคและอสังหาริมทรัพย์ แม้ตลาดยังคงสงสัยไม่แน่ใจ เราคาดการฟื้นตัวของกำไรอย่างต่อเนื่องเริ่มต้นใน Q1/68 สนับสนุนโดยปริมาณขายสูงขึ้น การขยายตัวของอัตรากำไร และการปรับโครงสร้างหนี้ที่ Fajar แม้การฟื้นตัวจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ภาคบรรจุภัณฑ์มีแนวโน้มฟื้นตัว โดยได้รับการสนับสนุนจากมาตรการการคลังของจีนและการเปลี่ยนไปสู่อุปสงค์ภายในประเทศ ซึ่งมอบโอกาสการเติบโตที่มีนัยสำคัญ
– TCAP (เอเอสแอล) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 54.75 บาท ประเมินกำไรสุทธิปี 68 เท่ากับ 7.05 พันล้านบาท +6%YoY โดยการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก TTB (ถือ 24.93%) และ MBK (ถือ 22.64%) เป็นหลัก ทิศทางการเติบโตในปีนี้มาจาก TTB คาดกำไรสุทธิ 2.22 หมื่นล้านบาท (+5.6% YoY) แม้สินเชื่อโตต่ำและ NIM ชะลอตัว แต่ได้แรงหนุนจาก OPEX และ Credit Cost ที่ลดลง รวมถึงรับรู้ Tax Benefit ขณะที่ MBK แนวโน้มธุรกิจศูนย์การค้าและโรงแรมเติบโตตามท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ด้านบริษัทย่อยคาดหวังการฟื้นตัวของ THANI คุณภาพสินทรัพย์มีสัญญาณบวก
– STECON (ฟินันเซียไซรัส) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 8.00 บาท ประกาศรับงานก่อสร้าง Data Center 2 โครงการ มูลค่า 1.6 หมื่นลบ. ประกอบด้วย โครงการ CHN-1A และ CHN-2A จากบริษัท ควอตซ์ คอมพิวติ้ง จำกัด เริ่มงาน 1 เม.ย. 2025 ใช้เวลา 2 ปี ผลักดันให้ Backlog ปัจจุบันไต่ขึ้นเป็น 1.3 แสนลบ.เทียบเท่ารายได้ 3-4 ปี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 มี.ค. 68)
Tags: ตลาดหุ้นไทย, วีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา, หุ้นไทย