นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีพักตัว ตามทิศทางตลาดหุ้นโลก จากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐอาจถดถอย เนื่องจากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ทั้งนโยบายด้านภาษี และการลดงบประมาณรายจ่าย ทำให้นักลงทุนอยู่ในโหมด Risk-Off
ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) อายุ 10 ปี ที่ปรับลดลงมาสะท้อนว่าตลาด Risk-Off พอสมควร ส่งผลให้วันนี้ตลาดภูมิภาค และตลาดหุ้นไทยอาจพักตัว แต่คาดหวังตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงน้อยกว่าภูมิภาค เนื่องจากเมื่อวานนี้ปรับตัวลงลึก อีกทั้งโครงสร้างตลาดหุ้นไทยที่มี Value Stock มากกว่า Growth Stock ทำให้เวลาปรับลง อาจปรับตัวลงน้อยกว่า
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ เมื่อวานนี้มีความคืบหน้าโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 ในกลุ่มอายุ 16-20 ปี โดยคาดว่าวงเงินจะอยู่ที่ 2.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเฟสอื่น ๆ ก่อนหน้า ทำให้ผลต่อเศรษฐกิจและอัพไซด์ต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนยังจำกัดอยู่
ตลาดหุ้นไทยยังขาดแรงขับเคลื่อนที่มีเสถียรภาพ ปัจจัยบวกที่จะขับเคลื่อนในระยะถัดไป มองว่ามาตรการภาครัฐ หวังว่าจะหา New S-curve ใหม่ ๆ เจอ ซึ่งตอนนี้ยังรออยู่ ด้านมาตรการเชื่อมั่นของตลาดทุน การโอนเงินจากกองทุน LTF มาสู่กอง ThaiESG 2 คาดว่าจะช่วยลดแรงขาย LTF และโครงการออมเงินหุ้นระยะยาว (TISA) ซึ่งหากดึงดูดเม็ดเงินใหม่เข้าตลาดได้ ประเด็นดังกล่าวน่าจะช่วยหนุนสภาพคล่องให้ดีขึ้น ส่วนมาตรการอื่น ๆ รอความชัดเจนที่เห็นเป็นรูปธรรม ซึ่งหากมีความชัดเจนมากขึ้น จะช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยให้ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง
โดยให้กรอบแนวรับ 1,170 จุด และแนวต้าน 1,190 จุด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 มี.ค. 68)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย