หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์รับตัวเลขศก.สหรัฐอ่อนแอ จับตา PMI จีน-ประชุมเฟด

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ์ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ หลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 52.4 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน จากระดับ 55.4 ในเดือนธ.ค. สะท้อนภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

ทั้งนี้นักลงทุนยังรอดูจีน เปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนม.ค.ในช่วงบ่ายของวันนี้ และจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 28-29 ม.ค. นี้ โดยตลาดมองว่าน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม รวมถึงการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งคาดว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก

นอกจากนี้ หลายตลาดในต่างประเทศเริ่มปิดทำการ เนื่องในวันตรุษจีน

ให้แนวรับไว้ที่ 1,350 จุด และแนวต้าน 1,370 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (24 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,424.25 จุด ลดลง 140.82 จุด หรือ -0.32%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,101.24 จุด ลดลง 17.47 จุด หรือ -0.29% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,954.30 จุด ลดลง 99.38 จุด หรือ -0.50%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 40,127.74 จุด เพิ่มขึ้น 195.76 จุด หรือ +0.50% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 20,118.02 จุด เพิ่มขึ้น 51.86 จุด หรือ +0.25% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,256.61 จุด เพิ่มขึ้น 3.98 จุด หรือ +0.12%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 ม.ค.) ที่ 1,354.07 จุด เพิ่มขึ้น 9.90 จุด (+0.74%) มูลค่าซื้อขาย 30,842.52 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (24 ม.ค.) 1,265.40 ล้านบาท

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.(24 ม.ค.) เพิ่มขึ้น 4 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 74.66 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 ม.ค.) อยู่ที่ 2.21 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.67 อ่อนค่าเล็กน้อยรับดอลลาร์แข็งค่า ตลาดจับตาประชุมเฟดกลางสัปดาห์หน้า

– เปิด 3 ประเด็นเสี่ยงประเทศไทยตกเป็นเป้าโจมตีการค้าของสหรัฐ จับตา “สินค้าจีน” ใช้ไทยเป็นทางผ่านส่งออกไปสหรัฐเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี สภาพัฒน์เตือนรับมือบริษัทจีนแปลงร่างหนีสงครามการค้า ขณะที่ กกร. นำทีมภาคเอกชน เตรียมเข้าพบนายกรัฐมนตรี หลังกลับจากดาวอส เสนอตั้ง “ทีมไทยแลนด์” เอกชนขอมีส่วนร่วมหารือแผนเจรจาทรัมป์ รับมือทรัมป์ 2.0

– ฝุ่นมลพิษ PM 2.5 มาเร็วกว่าปกติ ทำกรุงเทพฯ-ปริมณฑล “แดง” ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน ด้าน ม.เกษตรฯศึกษาฝุ่นมาจากการเผา ชีวมวลเข้ามาเติมฝุ่นในเมือง จับตาภาคเหนือ 17 จังหวัดเข้าฤดูเผา ข้ามแดน ด้าน “อนุทิน” สั่งผู้ว่าฯสกัดเผาโดยด่วน ขณะที่ “สภาลมหายใจเชียงใหม่” ห่วงเผาข้ามแดน

– ปลัดกระทรวงอว.เผย พบทุนจีบฮุบ 3 มหาลัยเอกชนไทย จับตาเข้ม หวั่นใช้สถานะนักศึกษาแฝงมาทำงาน จ่องัดมาตรการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว หรือขอใบอนุญาตธนาคารที่ต้องตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินทุน ป้องกันการใช้นอมินี

– “แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี เป็นสักขีพยานลงนาม FTA “ไทย-เอฟตา” ฉบับแรกที่ทำกับยุโรป ด้านรมว.พาณิชย์ ชี้ สร้างโอกาสยุคทองการค้าและการลงทุน พร้อมเผยตัวเลขปี 67 ไทยกับเอฟตามีมูลค่าการค้ารวม 1.17 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ คิดเป็นเงินไทยกว่า 4 แสนล้านบาท โต 20%

– ผอ.สบน. โฟกัสเรตติ้งไทย ป้องกันต้นทุนการเงินสูง รับลูกขุนคลัง ตั้งบอร์ดร่วม 8 หน่วยงานแจงบริษัทเรตติ้ง ย้ำเสถียรภาพการคลังยังแข็งแกร่ง ระดับหนี้ไม่เกินเพดาน เตรียมรีไฟแนนซ์ยืดอายุหนี้หลังดอกเบี้ยระยะสั้นกับระยะยาวไม่ต่างกัน หวังไทยถูกปรับเพิ่มเรตติ้ง พร้อมศึกษาออกบอนด์จูงใจเปลี่ยนมือ เพิ่มสภาพคล่อง

– คปภ.เร่งสร้างความเข้าใจ หวั่นผู้บริโภคเข้าใจผิด แจงเงื่อนไข Copayment มี 2 รูปแบบ คือร่วมจ่ายตั้งแต่เริ่มทำประกันสุขภาพ และแบบเงื่อนไขการต่ออายุ ซึ่งจะถูกปรับเป็นแบบร่วมจ่ายหากเข้าเงื่อนไขใน 3 เกณฑ์พร้อมกันคือ เคลมจากการเจ็บป่วยเล็กน้อย เคลมเกิน 3 ครั้ง และเคลมค่าสินไหม 200%

– “นิด้าโพล” ชี้ชัดประชาชน ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยเปิด “กาสิโน-พนันออนไลน์” ด้าน “เทพไท” สอนมวย “นายกฯ อิ๊งค์” พูดเรื่อง “กาสิโน” ต้องเข้าใจว่ามันคือ “บ่อนเสรี” ซัดแถไปเรื่อย แค่หวังเดินตาม ไอเดีย “ทักษิณ”

หุ้นเด่นวันนี้

– TOP (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 37.00 บาท มีปัจจัยหนุนจากข่าวความคืบหน้าในการแก้ปัญหาโครงการ CFP โดยทางด้าน TOP แจ้งถึงการที่หนึ่งในบริษัทผู้รับเหมาหลัก Samsung ยอมจ่ายเงินประกัน Performance bond ตามที่ปริษัทได้ใช้สิทธิเรียกร้องไปบางส่วนแล้วจากทั้งหมด 1.7 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้แรงกดดันทางการเงินลดลง อาจจะช่วยให้เงินที่ประกาศลงทุนเพิ่มไปก่อนหน้านี้ 8.1 หมื่นล้านบาท ใช้น้อยลงและโครงการอาจเสร็จเร็วขึ้นถ้าผู้รับเหมาเดิมทำต่อไปได้ ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/67 คาดพลิกเป็นกำไร QoQ ที่ราว 4.2 พันล้านบาท เป็นผลจาก Market GIM ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม product spread รวมทั้งการบันทึก stock loss ลดลง ราคาหุ้นปัจจุบันลงมารับข่าวลบมากแล้วเทรดกันต่ำ Book มากที่ 0.3 เท่า

– CPALL (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 80.00 บาท คาด SSSG ช่วงไตรมาส 4/67 ยังขยายตัวได้ดีทั้งธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก หนุนกำไรไตรมาส 4/67 แข็งแกร่งเติบโตทั้ง q-q, y-y ผสานมาตรการกระตุ้นการบริโภค (Easy E-Receipt และ Digital wallet เฟส2) คาดจะกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วง 1Q25 เพิ่มเติม ขณะที่ Valuation อยู่ในระดับที่ไม่แพงนัก โดยเทรด PE ratio เพียง 18.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังที่ PE 23 เท่า

– CRC (เมย์แบงก์)เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 40.00 บาท เป็น 1 ในหุ้นได้ประโยชน์มาตรการภาครัฐฯ อาทิ Easy E-Receipt , แจกเงินผู้สูงอายุ 1 หมื่นบาท นอกจากนี้ประเด็นเรื่องค่าไฟ หากรัฐบาลสามารถลดจาก 4.15 บาท/หน่วย เป็น 3.70 บาทได้มองเป็นบวกต่อต้นทุนค่าไฟที่ลดลง ซึ่ง CRC คิดเป็นสัดส่วน 2% ของยอดขาย แถมได้ Sentiment บวกจากเทศกาลตรุษจีน หนุนการจับจ่ายใช้สอยใน TOP, GO Wholesale ขณะที่สถานการณ์ PM 2.5 บ้านเราเชื่อว่าจะช่วยหนุนกำลังซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะเครื่องกรองอากาศ ดีต่อยอดขายของ Power Buy แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/67 คาดขยายตัว QoQ หนุนจาก SSSG ดีขึ้นจากไตรมาส 3/67 กลุ่มไทวัสดุ SSSG ฟื้นเป็นบวก (จาก -4% ใน 3Q67) กลุ่ม Fashion มีโมเมนตัมดีต่อในเดือน ธ.ค. หลังจากเซ็นทรัลชิดลมปรับปรุงเสร็จกลาง ธ.ค. 67 กำไรปี 68 คาดขยายตัว 13.5%YoY สูงกว่ากลุ่มค้าปลีกที่คาดเติบโต 10.5%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ม.ค. 68)

Tags: , , ,