หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ ได้แรงหนุน “ทรัมป์” กดดันเฟดลดดอกเบี้ย แต่กลุ่มพลังงานกดดัน

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.) เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยที่ยังมีปัจจัยหนุนต่อ Sentiment ตลาดหุ้นหลังเมื่อคืนนี้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้กล่าวสุนทรพจน์ในงาน World Economic Forum 2025 ซึ่งได้มีการกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ย

ขณะเดียวกันยังมีประเด็นกดดันในการที่ประธานาธิบดีสหรัฐได้กล่าวเรียกร้องให้กลุ่มโอเปกลดราคาน้ำมัน ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันต่อหุ้นกลุ่มพลังงานในตลาดหุ้นไทยได้เช่นกัน และในช่วงเช้าวันนี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งตลาดคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเปิดมาเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย

โดยให้แนวต้าน 1,360 จุด แนวรับ 1,340 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (23 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,565.07 จุด เพิ่มขึ้น 408.34 จุด หรือ +0.92%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,118.71 จุด เพิ่มขึ้น 32.34 จุด หรือ +0.53% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,053.68 จุด เพิ่มขึ้น 44.34 จุด หรือ +0.22%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 40,060.49 จุด เพิ่มขึ้น 101.62 จุด หรือ +0.25% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 19,842.85 จุด เพิ่มขึ้น 142.29 จุด หรือ +0.72% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,222.88 จุด ลดลง 7.28 จุด หรือ -0.23%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 ม.ค.) ที่ 1,344.17 จุด ลดลง 17.60 จุด (-1.29%) มูลค่าซื้อขาย 34,483.77 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (23 ม.ค.) 4,362.07 ล้านบาท

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.(23 ม.ค.) ลดลง 82 เซนต์ หรือ 1.09% ปิดที่ 74.62 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 ม.ค.) อยู่ที่ 0.37 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.99 แนวโน้มแข็งค่ารับดอลลาร์อ่อน หลัง “ทรัมป์” เรียกร้องทั่วโลกลดดอกเบี้ย

– นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ร่วมถก Salesforce ยักษ์ใหญ่ด้านซอฟต์แวร์-คลาวด์สัญชาติมะกัน ร่วมหนุน Cloud First ของภาครัฐ พร้อมหารือบิ๊ก Google ลงทุนไทยเพิ่มขยายผลิตภัณฑ์ในไทย “พิชัย” เผยไทยพร้อมรองรับการลงทุนอุตสาหกรรม AI-Data Center และ PCB จากนานาชาติ เปลี่ยนผ่านสู่ฮับดิจิทัลในภูมิภาค “บล.บัวหลวง” แนะ 10 หุ้นเทคโนโลยี รับเม็ดเงินลงทุน 5 แสนล้านบาท นำโดย BE8-IIG ในฐานะพาร์ตเนอร์ของ Salesforce รวมทั้งที่ปรึกษาในการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีอย่าง BBIK ส่วนกลุ่มรับประโยชน์จากดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์ ชู ADVANC-TRUE-GULF-INSET-LTS ขณะที่ DELTA-CCET รับผลดีจากนโยบาย “สตาร์เกต” ของทรัมป์

– กกพ. ผนึก 3 การไฟฟ้า เปิดขายไฟฟ้าสีเขียว “UGT1” ครั้งแรกในไทย กำลังผลิต 2 พันล้านหน่วยต่อปี จากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ 7 เขื่อน ให้ 3 ผู้ประกอบการเป็นกลุ่มแรก “ขนาดกลาง-ขนาดใหญ่-กิจการเฉพาะอย่าง” ราคาขายเพิ่มจากค่าไฟปกติอีก 6 สตางค์ หนุนแข่งขันในเวทีโลกได้ เปิดลงทะเบียนถึง 28 กุมภาพันธ์ ลงชื่อแล้ว 600 ล้านหน่วย คาดเริ่มจ่ายไฟเมษายนนี้ ด้าน UGT2 เริ่มมิถุนายนนี้ หลังจากนั้นเปิด Direct PPA ภายในปีนี้

– รัฐบาลประกาศชัดไม่ผ่อนคันเร่งลดโลกร้อน ชี้ต้องเดินหน้าต่อสู้มาตรการกีดกันการค้า เดินหน้าชงโครงสร้างภาษีแบตเตอรีใหม่เข้าครม.กุมภาพันธ์นี้ กำหนดเป็นอัตราขั้นบันได หนุนผลิตแบตเตอรีใส่ใจสิ่งแวดล้อม ด้านกูรูมั่นใจสหรัฐยังต้องเดินหน้ากิจกรรมลดโลกร้อน แม้ทรัมป์ถอนตัว เหตุยังต้องส่งออก เชื่อราคา REC ในอนาคตสูงขึ้น

– “พาณิชย์ปลื้มส่งออกปี 67 โต 5.4% โกยรายได้ทะลัก 10.5 ล้านล้านบาท คาด ม.ค.ยังโตต่อ ตั้งเป้าทั้งปี 68 บวก 2-3% ได้แรงหนุนเศรษฐกิจโลก เงินเฟ้อ ดอกเบี้ยลด มีการย้ายฐานลงทุนมาไทย จับตาทรัมป์ 2.0 ภูมิรัฐศาสตร์ อัตราแลกเปลี่ยนเป็นตัวป่วน ด้าน “พิชัย” เตรียมบินสหรัฐ ก.พ.นี้ หาทางแก้ปัญหาการค้ากับสหรัฐ

– “คลัง” เตรียมยกเครื่องภาษีแบตเตอรี่ จากอัตราคงที่เป็นแบบขั้นบันได หวังหนุนเศรษฐกิจสีเขียว ชูแบตเตอรี่ที่สะอาด-ชาร์จได้-ประสิทธิภาพสูง มีลุ้นราคาถูกลง ปักธงชี้แจงรายละเอียดและหลักการ ก.พ.นี้ ก่อนเข็นชง ครม.พิจารณา

หุ้นเด่นวันนี้

– ERW (ฟินันเซีย ไซรัส)”ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.20 บาท คาดกำไรปกติไตรมาส 4/67 ที่ 325 ลบ. +58%y-y, +161% q-q ทำ record high หนุนจาก non-Hop Inn RevPAR เติบโตแข็งแกร่งและ EBITDA margin คาดปรับเพิ่มขึ้น หนุนทั้งปี 2024 จบที่ 861 ลบ. +20% y-y เราคาดกำไรปี 2568 โตต่อเนื่องเป็น 940 ลบ. +9% y-y ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น แม้ยังมีปัจจัย overhang จากการต่อสัญญาเช่า GHE แต่จากกำไรไตรมาส 4/67 ที่ทำ New High และ Market Cap ปัจจุบันต่ำกว่าช่วงปี 2019 สะท้อน Valuation ที่ถูก เรามองเป็นโอกาสเข้าลงทุน

– BBIK (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 50 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 ที่ 93 ล้านบาท ทำจุดสูงสุดใหม่ จากการเข้าสู่ช่วง High Season และการขยายทีมงานเพิ่มเติม แนวโน้มไจรมาส 1/68 ยังไปได้ดี แม้จะเป็นช่วง Low season โดยจะรับรู้งานดิจิตอลวอลเล็ทของรัฐบาลที่มีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงเดือน มี.ค. 25 ซึ่งคาดคิดเป็น 20% ของรายได้รายไตรมาส ส่วนภาพปี 2568 คาดเติบโตแกร่ง +32% ตามเทรนด์ Digital Transformation ที่อยู่ในช่วงเร่งตัว

– TIDLOR (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 23.00 บาท เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TIDLOR โดยคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/2567 จะแข็งแกร่งทั้งเทียบกับไตรมาสก่อนและปีก่อน จากการเติบโตของสินเชื่อที่ฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เติบโตตามฤดูกาลจากรายได้ประกัน นอกจากนี้คาดว่าคุณภาพสินทรัพย์จะมีแนวโน้มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/2567 หลังการเร่งปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ตั้งแต่ปี 2566 โดยคาดว่าต้นทุนทางเครดิตในไตรมาส 4/2567 จะลดลงทั้งเทียบกับไตรมาสก่อนและปีก่อน อีกทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปีที่ลดลงมาอยู่ที่ 2.3%จาก 2.4%ในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว จะช่วยหนุนการเก็งกำไรกลุ่มการเงิน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ม.ค. 68)

Tags: , , ,