หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งผันผวนกังวล “ทรัมป์” ขึ้นเป็นปธน.สหรัฐโลกเผชิญนโยบายไม่แน่นอน

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดแกว่งผันผวนหลังจากเมื่อวานนี้ร่วงลง จากการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ มีคะแนนเสียงเลือกตั้งนำนางคามาลา แฮร์ริส คู่ท้าชิง และได้ออกมาประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ยังคงเป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียจากความไม่แน่แน่นอนของนโยบายของสหรัฐที่จะออกมาหลังจากนายทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง

ขณะที่ในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่จะเข้ามาช่วยผลักดันดัชนี ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เปิดมาเคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน โดยตลาดรอติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้

พร้อมให้แนวต้าน 1,470-1,475 จุด แนวรับ 1,450-1,455 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (6 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,729.93 จุด เพิ่มขึ้น 1,508.05 จุด หรือ +3.57%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,929.04 จุด เพิ่มขึ้น 146.28 จุด หรือ +2.53% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,983.47 จุด เพิ่มขึ้น 544.29 จุด หรือ +2.95%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 39,745.23 จุด เพิ่มขึ้น 264.56 จุด หรือ +0.67%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ20,386.36 จุด ลดลง 152.02 จุด หรือ -0.74% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,359.98 จุด ลดลง 23.83 จุด หรือ 0.70%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 พ.ย.) ที่ 1,467.42 จุด ลดลง 14.25 จุด (-0.96%) มูลค่าซื้อขายราว 57,315.85 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,746.71 ล้านบาท (6 พ.ย.)

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. (6 พ.ย.) ลดลง 30 เซนต์ หรือ 0.42% ปิดที่ 71.69 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 พ.ย.) อยู่ที่ 6.35 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิดอ่อนฮวบ 34.45 สอดคล้องภูมิภาค หลัง “ทรัมป์” ชนะเลือกตั้ง-รอผลประชุมเฟด

– “โดนัลด์ ทรัมป์” ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐ เขย่าสมรภูมิเศรษฐกิจโลก นโยบายการค้า ระหว่างประเทศเปลี่ยน “เอกชน” หวั่นสินค้าจีนถูกตั้งกำแพงภาษี จ่อทะลักเข้าภูมิภาคและไทยมากขึ้น ด้าน “ผู้ส่งออก” มองทางออกเร่งหาตลาดใหม่รับผลกระทบการค้า 2 ขั้วอำนาจ “กูรูเศรษฐกิจ” ชี้รัฐต้องเร่งปรับ “เศรษฐกิจไทย” ให้ได้ประโยชน์จากเลือกตั้งสหรัฐ “ตลท.” แนะรับมือความผันผวน “เงินเฟ้อ-สงครามการค้า”

– สมาคมธนาคารไทย เปิดเกณฑ์ช่วยเหลือแก้หนี้ครัวเรือน ย้ำเป็น NPL ไม่เกิน 1 ปี สินเชื่อบ้านวงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาท สินเชื่อรถไม่เกิน 7 แสนบาท และเอสเอ็มอีวงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาท รวมวงเงินช่วยเหลือ 1.4 ล้านล้านบาท ส่วนแหล่งเงินทุนมาจากให้แบงก์ลดเงินนำส่ง FIDF เหลือ 0.23% จาก 0.46% ด้าน “ชาติศิริ” พร้อมหนุนเต็มที่

– กกร.นัดถกแบงก์ชาติในวันที่ 14 พ.ย.นี้ หารือมาตรการช่วยแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง SME รวมทั้งผ่อนปรนมาตรการ ปล่อยสินเชื่อรถกระบะเพื่อฟื้นฟู ศก.ปี 68 และแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างเป็นระบบ ชี้ “โดนัลด์ ทรัมป์” เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ไทยมีความเสี่ยงเหตุได้ดุลการค้าสหรัฐฯ แต่ผลกระทบไม่มาก

– สนค.แถลงเงินเฟ้อเดือน ต.ค.67 เท่ากับ 108.61 สูงขึ้น 0.83% เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.66 เป็นผลจากการสูงขึ้นของราคาอาหาร โดยเฉพาะผักสดและผลไม้สด ประกอบกับราคาน้ำมันดีเซลและค่าไฟฟ้าสูงขึ้น เนื่องจากฐานปีก่อนต่ำจากมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ ภาพรวมของราคาสินค้า 430 รายการใช้คำนวณเงินเฟ้อราคาสูงขึ้น 265 รายการ, ไม่เปลี่ยนแปลง 51 รายการ และลดลง 114 รายการ

– ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยดัชนีราคาบ้านจัดสรรและห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาส 3/67 พบทิศทางปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุน ทำให้ค่าดัชนียังคงปรับเพิ่มต่อเนื่องนับจากปี 66 โดยบ้านจัดสรรใหม่ เท่ากับ 130.7 เพิ่มขึ้น 0.7% ขณะที่ห้องชุดใหม่มีค่าเท่ากับ 159.2 เพิ่มขึ้น 2.7% ด้านดัชนีราคาค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐานขยับเพิ่ม 3.9% สะท้อนแนวโน้มบ้านจัดสรรและห้องชุดใหม่ในปีหน้ามีราคาเพิ่มสูงขึ้น

– “พีระพันธุ์” เล็งใช้โมเดล พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทรายฯ เตรียมคลอดกฎหมาย ช่วยแก้ปัญหาเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน จ่อดึงกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมหาทางออกให้เชื้อเพลิงชีวภาพ ภายหลังกองทุนน้ำมันฯ ยกเลิกชดเชยในปี 69 เตรียมตั้งคณะทำงานใน 2 สัปดาห์นี้

หุ้นเด่นวันนี้

– KTB (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 23 บาท มีมุมมองเชิงบวกต่อโอกาสบริหารจัดการเงินทุน เช่น การเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผลในอนาคต โดยผลประกอบการไตรมาส 3/67 แสดงให้เห็นถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี ทั้งในด้านการควบคุม NPL และ Stage 2 รวมถึงมีการตั้งสำรองที่รัดกุม ระดับสำรองสูงเป็นอันดับสองในกลุ่มแบงก์ใหญ่ คาดโอกาสเติบโตด้านสินเชื่อที่ดีในปี 68 จากการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของภาครัฐ อีกทั้งกลุ่มแบงก์อาจได้รับปัจจัยบวกจากการที่ทรัมป์ชนะเลือกตั้งสหรัฐฯ อาจส่งผลให้เฟดชะลอลดดอกเบี้ยจากที่คาดการณ์ไว้ในช่วงแรก

– SPALI (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 21.80 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/67 เติบโตเด่น QoQ, YoY หนุนจากการโอนคอนโดเร่งขึ้นจากงานสร้างเสร็จใหม่เริ่มโอนใน H1/67 กว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่แนวราบ QoQ โตเล็กน้อย ส่งผลอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นตามสัดส่วน product mixed ส่วนของยอด presale ไตรมาส 4/67 คาดเพิ่มขึ้นจากการเปิด 10 โครงการใหม่รวม 1.4 หมื่นล้านบาท แต่อาจเห็นกำไรชะลอลงได้จากฐานสูง โดยมี backlog รอโอนไตรมาส 4/67 ราว 7.9 พันล้าบาท ลดลง QoQ จากยอด backlog 1.3 หมื่นล้านบาท ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 5.8 พันล้านบาท -4%YoY และ 6.1 พันล้านบาท +6%YoY

– BLA (ซีจีเอสฯ) เชื่อบอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่งสูงขึ้นหลังทรัมป์ได้รับชัยชนะจะช่วยกระตุ้นผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงขึ้นในตลาดผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ เนื่องจากบริษัทจะสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้และผลตอบแทนให้กับผู้ถือประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ อีกทั้งยังสนับสนุนให้ค่าใช้จ่ายในการบันทึกตั้งสำรองพิเศษ (LAT reserve) ของบริษัทลดลง (Take profit : 25.25 / Stop loss : 23.60)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 พ.ย. 67)

Tags: ,