นักวิเคราะห์ระบุตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ ถูกกดดันจาก Sentiment ตลาดสหรัฐที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เมื่อวานนี้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด สำหรับปัจจัยในประเทศวันนี้ติดตามการรายงานผลประกอบการของกลุ่มธนาคาร โดยให้กรอบแนวรับ 1,315 จุด และแนวต้าน 1,330 จุด
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ จาก Sentiment ของตลาดสหรัฐที่ปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดยนักลงทุนอยู่ในช่วงของการย้ายการลงทุนออกจากหุ้นที่ Outperform มาหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปสูงรวมถึงหุ้นเทคโนโลยี ส่งผลให้หุ้นกลุ่มดังกล่าวเริ่มมีจังหวะปรับฐานลงบ้าง และเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนตลาดหุ้นโดยรวม
ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เมื่อวานนี้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามการคาดการณ์ของตลาด และคาดว่าในเดือนก.ย.น่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยเช่นเดียวกับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
สำหรับปัจจัยในประเทศติดตามทิศทางหุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งวันนี้น่าจะมีการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มธนาคารทั้งหมด
โดยให้กรอบแนวรับ 1,315 จุด และแนวต้าน 1,330 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (18 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,665.02 จุด ลดลง 533.06 จุด หรือ -1.29%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,544.59 จุด ลดลง 43.68 จุด หรือ -0.78% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,871.22 จุด ลดลง 125.70 จุด หรือ -0.70%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 39,965.91 จุด ลดลง 160.44 จุด หรือ -0.40% , ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ 17,603.80 จุด ลดลง 174.61 จุด หรือ -0.98% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 2,963.51 จุด ลดลง 13.62 จุด หรือ -0.45%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ก.ค.) 1,324.76 จุด เพิ่มขึ้น 4.97 จุด (+0.38%) มูลค่าซื้อขาย 44,708.80 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,283.20 ล้านบาท (18 ก.ค.)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.(18 ก.ค.) ลดลง 3 เซนต์ หรือ 0.04% ปิดที่ 82.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ก.ค.) อยู่ที่ 4.13 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.21 กลับมาอ่อนค่า รับดอลลาร์แข็งค่ากดดัน จับตาเงินไหลออก
- คลัง ชี้ กองทุน ThaiESG เข้าครม.สัปดาห์หน้า เตรียมเสนอเงื่อนไขเปิดขายกองทุนวายุภักษ์ พร้อมการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% เข้าครม.ในภายหลัง คาดเม็ดเงิน 2 กองทุน รวม 2 แสนล้านบาท เข้าตลาดทุนในปีนี้ ด้านตลท.ดึงบริษัทระดับโลกยกระดับการประเมินความยั่งยืน “SET ESG Ratings” จ่อเปิดรายละเอียดแก่บจ.ช่วงปลายกรกฎาคม 2567
- อีอีซีร่วม 5 หน่วยงาน ดันแผนผลิตไฟฟ้าสะอาดในอีอีซี ลั่นศึกษา 4 เดือนรู้ผล หวังกำหนดระเบียบต่างๆ รองรับนักลงทุน พาณิชย์โอด มิ.ย.ยอดบริษัทตั้งใหม่ 7,351 ราย ลด 3.61% ทุนจดทะเบียนหด 29.59%
- “พิชัย” มอง “ไอเอ็มเอฟ” ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจไทยจาก 2.7% เป็น 2.9% เป็นข่าวดี ลุยดันงบ67 ตามขั้นตอน “เคเคพี” ชี้หากไทยไม่ปรับโครงสร้าง อาจโตต่ำกว่า 2% “ซีไอเอ็มบีไทย” คาด 10 ปี ไม่ทำอะไรเสี่ยงติดกับรายได้ปานกลาง
- “พีระพันธุ์” ลั่นตรึงค่าไฟงวดปลายปี 4.18 บาท/หน่วย ชงเข้า ครม.สัปดาห์หน้า จ่อหารือ กกพ.หามาตรการลดค่าไฟ-พลังงาน ส่วนหนี้ที่คงค้าง กฟผ.ยังอยู่ระหว่างหารือ แย้มมีวิธีพูดคุยได้
*หุ้นเด่นวันนี้
- BBL (กรุงศรี) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 170 บาท มีมุมมอง Neutral ต่อผลประกอบการไตรมาส 2/67 แม้กำไรสุทธิไตรมาส 2/67 ที่ 1.18 หมื่นลบ. ดีกว่าเราและตลาดคาด จากเงินลงทุน (FVTPL) มากกว่าคาด แต่เราไม่ชอบเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ ทั้งค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) ปรับเพิ่มขึ้นแรงที่ 153 bps. มากกว่าเราคาดที่ 127 bps. และ NPL Ratio ปรับเพิ่มแรงที่ 3.20% มากกว่าเราคาดที่ 3.10% เพราะความแข็งแกร่งของลูกค้าลดลง ตามความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ภาพรวมกำไรเพิ่มขึ้น +5% y-y และ +12% q-q เพราะการเพิ่มขึ้นของรายได้รวม และการลดลงของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ภาพรวม BBL เราคงมองว่ามีความเพียงพอของสำรองต่อพอร์ตสูงสุดในกลุ่มธนาคาร เห็นได้จาก Coverage Ratio คงระดับสูงที่ราว 280%
- BEM (กสิกรไทย) “ซื้อ” ราคาพื้นฐานที่ 10.33 บาท BEM มีกำหนดรายงานงบการเงินไตรมาส 2/2567 ในวันที่ 13 ส.ค. เราคาดว่า BEM จะรายงานกำไรปกติที่ 986.3 ลบ. เพิ่มขึ้น 9.5% YoY และ 16.4% QoQ การเพิ่มขึ้น YoY ได้แรงหนุนจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของจำนวนผู้โดยสาร MRT ในขณะที่การเพิ่มขึ้น QoQ มาจากรายได้เงินปันผลจาก CKP และ TTW เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยปัจจัยหนุน 1) การเติบโตของปริมาณการสัญจรที่ดีกว่าที่คาด 2) ความเป็นไปได้ในการต่ออายุสัมปทานทางด่วน 3) การพัฒนาตามแนวเส้นทางด่วนและรถไฟฟ้า MRT
- GFPT (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 16.00 บาท คาดกำไรไตรมาส 2/67 ที่ 535 ล้านบาท (+53%y-y, +15%q-q) ดีกว่าคาดเดิมจากสัดส่วนยอดขายกลุ่มส่งออกมากกว่าคาด และยอดขายอาหารกุ้งเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง ผสานกับราคาวัตถุดิบที่ลดลง และกำไรบริษัทร่วมที่มากขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.ค. 67)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย