หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งซึมลง รอผลประชุมเฟด-บาทอ่อนค่าฉุด Fund Flow

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ แกว่งซึมตัวลง จากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดคืนนี้ โดยเฉพาะการส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าต่อเนื่อง คาดเป็นลบต่อ Fund Flow ต่างชาติ รวมถึงยังต้องรอความชัดเจน ในเรื่องของเงินดิจิทัลวอลเล็ต และ หุ้นกลุ่มพลังงานที่น่าจะได้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น คาดช่วยพยุงดัชนีได้ไม่มาก ให้แนวรับที่ 1,380-1,375 จุด และแนวต้าน 1,395 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งซึมตัวลง จากยังไม่มีปัจจัยเข้ามาสนับสนุน โดยนักลงทุนยังคงรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) และการส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในคืนนี้ ขณะที่ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ เป็นลบต่อเงินทุนต่างชาติไหลเข้า (Fund Flow) อีกทั้งยังต้องรอความชัดเจนของเงินดิจิทัลวอลเล็ต ต่อไปอีก 1-2 สัปดาห์

ทั้งนี้แม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวขึ้น และส่งผลบวกต่อกลุ่มพลังงาน แต่น่าจะเข้ามาช่วยพยุงดัชนีได้ไม่มาก

ให้แนวรับที่ 1,380-1,375 จุด และแนวต้าน 1,395 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (19 มี.ค.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,110.76 จุด เพิ่มขึ้น 320.33 จุด หรือ +0.83%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,178.51 จุด เพิ่มขึ้น 29.09 จุด หรือ +0.56% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,166.79 จุด เพิ่มขึ้น 63.34 จุด หรือ +0.39%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,559.01 จุด เพิ่มขึ้น 29.53 จุด หรือ +0.18% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,058.65 จุด ลดลง 4.11 จุด หรือ -0.13% ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการเนื่องในวันวสันตวิษุวัต
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 มี.ค.) ที่ 1,382.46 จุด ลดลง 3.48 จุด (-0.25%) มูลค่าซื้อขาย 54,059.85 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 18,789.51 ล้านบาท (19 มี.ค.)
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 75 เซนต์ หรือ 0.91% ปิดที่ 83.47 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค. 66
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 มี.ค.) อยู่ที่ 6.18 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 36.08 ตลาดจับตาผลประชุมเฟดคืนนี้ ให้กรอบ 36.00-36.20
  • ม.หอการค้าไทยลดเป้าจีดีพีไทยปีนี้เหลือโต 2.6% จากเดิมคาดโต 3.2% เหตุมีปัจจัยบั่นทอนสารพัด ทั้งการบริโภคภาครัฐ-เอกชนไม่โดดเด่น ลงทุนรัฐติดลบหนัก ส่งออกโตต่ำ หนี้ครัวเรือนพุ่ง แต่ยังมีโอกาสโตเกิน 3% ถ้ารัฐเร่งเบิกจ่ายงบลงทุน เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ-รายได้ท่องเที่ยว เดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต ขณะที่ปีนี้มีโอกาสแบงก์ชาติลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง 0.25-0.50%
  • นักธุรกิจใหญ่สะท้อนเศรษฐกิจไทยโตจิ๊บๆ ลากยาวแค่ 2% ต่อปี เหตุไม่มีภาพมาตรการเดินหน้าชัดเพียงพอ ส่งผลเศรษฐกิจฟื้นตัวที่อ่อนเกินคาดการณ์ แต่ยังไม่ถึงขั้นวิกฤตต้มยำกุ้ง แนะรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่เป็นอุปสรรค
  • ริชาร์ด” ซีอีโอ ไบแนนซ์ ตบเท้าเข้าพบ ก.ล.ต. แลกเปลี่ยนกฎเกณฑ์สินทรัพย์ดิจิทัลระดับสากล สู่โครงสร้าง “ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล” ชี้ไทยเป็น “คริปโทฮับ” ได้ ขึ้นอยู่กับผู้เล่นในตลาดช่วยกันผลักดันให้ตลาดเกิดการใช้งานจริง
  • “เศรษฐา” คอนเฟิร์มประชาชนยังมีหวัง”เงินดิจิทัล” เผยอีก 1-2 สัปดาห์นัดประชุมกรรมการชุดใหญ่ หากได้ข้อสรุป จะนำคุยพรรคร่วมรัฐบาลต่อไป รับโล่รางวัลจากชาวสวนยาง ที่มาขอบคุณหลังราคาพุ่งกิโลละ 90 บาท ลั่นไม่จบแค่นี้ ขอดันต่อ ไฟเขียวศึกษาสร้างสนามบินพะเยา ระบุยังไม่ได้คุย “อุ๊งอิ๊ง” หลังบินพบ “ฮุนเซน” แต่มองเป็นเรื่องดี ช่วยเสริมสัมพันธ์ 2 ประเทศ มีแค่สมเด็จฮุนเซนฝากความคิดถึงมา พร้อมสั่งพาณิชย์ห้ามนำเข้าข้าวโพดเพื่อนบ้านที่มีการเผา แก้ฝุ่น PM2.5 ขอดูแลผลผลิตลำไยสกัดราคาตก “สมศักดิ์” เผย ครม.เห็นชอบหลักการ”โคแสนล้าน”หลังดันมา 20 ปี

หุ้นเด่นวันนี้

* BKGI เทรดวันแรก (ฟินันเซีย ไซรัส) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายฯ) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.70 บาท เป็นผู้ประกอบการอยู่ในห่วงโซ่จีโนมิกส์หรือการวิเคราะห์พันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต ปัจจุบันมีรายได้หลักจากบริการตรวจ NIPT ภายใต้เบรนด์ NIFTY ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างกลุ่ม BGI ซึ่งเป็นไบโอเทคระดับโลกสัญชาติจีน

เราคาดกำไรสุทธิปี 67 ที่ 53 ล้านบาท +81% y-y และคาด +21% CAGR ใน 3 ปีข้างหน้า จากความต้องการของมนุษย์ที่ต้องการมีสุขภาพดีและมีชีวิตที่ยืนยาว หนุนการใช้การแพทย์จีโนมิกส์ในการเน้นป้องกันโรคเฉพาะบุคคล

* GULF (คิงส์ฟอร์ด) ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 56.75 บาท บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 4Q66 ที่ 4.8 พันล้านบาท +42%QoQ จากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่กำไรปกติทรงตัว QoQ เนื่องจากรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า IPP ที่เพิ่ง COD ชดเชยยอดขายไฟฟ้าให้ภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง

นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไรของ INTUCH เข้ามาช่วย รวมทั้งปี 66 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1.48 หมื่นล้านบาท +30%YoY ส่วนแนวโน้ม 1Q67 คาดกำไรปกติปรับขึ้นตามปริมาณการขายไฟฟ้าหลังผ่าน low season ของการเรียกรับซื้อไฟฟ้ากลุ่ม IPP อีกทั้งจะมีการ COD โรงไฟฟ้า GULF PD Unit ที่เหลือเพิ่มช่วงปลายไตรมาส ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67 ที่ 1.89 ล้านบาท +28%YoY เป็นผลจากการรับรู้โครงการที่เริ่ม COD จากปี 66 เข้ามาเต็มปี และเริ่มทยอยรับรู้โครงการที่จะ COD ในปี 67 เข้ามาราว 1,600 MWe นอกจากนี้คาดมาร์จิ้นของโรงไฟฟ้า SPP จะฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับจากต้นทุนก๊าซที่ลดลง YoY

* SAFE (ไอร่า) แนะนำ สะสมรอเล่นรอบ เรายังชอบ SAFE จากเทรนด์เกี่ยวกับการรักษาผู้มีบุตรยากซึ่งคาดจะหนุนกำไรในปี 67 เติบโตต่อเนื่องจากรายได้จากการรักษาลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนเพิ่มขึ้น ขณะที่แผนในการขยายสาขาเพิ่มในระยะถัดไปคาดจะช่วยเพิ่ม Upside ในอนาคตได้

ทางเทคนิค ราคาปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่หลังยกจุดต่ำสุดใหม่สูงขึ้นได้ยืนเหนือเส้นแนวโน้มขาลงก่อนหน้า ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค MACD และ SSTO ให้สัญญาณซื้อ แนวรับ 20.40-20.10 บาท Target 21.30-23.30 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 มี.ค. 67)

Tags: , ,