หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นตามตลาด ตปท. คลายกังวลโควิดโอมิครอน-ราคาน้ำมันขึ้น

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่บวกเช่นเดียวกับตลาดสหรัฐฯ-ยุโรปปรับขึ้นได้ดี หลังคลายกังวลเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเหตุอาการไม่รุนแรงแม้แพร่ระบาดได้มาก และราคาน้ำมันขึ้นต่อเนื่องจากคลายกังวลเชื้อโควิดโอมิครอนเชื่อไม่กระทบดีมานด์ ส่วนบ้านเราผู้ติดเชื้อโควิดลดลงเล็งกลุ่มเปิดเมืองขึ้นนำ-กลุ่มพลังงานกลับมาด้วย อีกทั้งแรงซื้อต่างชาติเข้าหลังเงินบาทแข็งค่า ให้แนวรับ 1,595-1,600 แนวต้าน 1,620-1,624 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐฯ และตลาดในยุโรปที่ปรับตัวขึ้นได้ดี จากคลายกังวลเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอนหลังสหรัฐฯว่าไม่รุนแรง แม้จะมีการแพร่ระบาดสูง

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากคลายกังวลเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ทำให้มองเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนนี้ไม่น่าจะกระทบความต้องการใช้น้ำมัน ส่วนบ้านเราจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ลดลง ทำให้มองว่าดัชนีหุ้นไทยน่าจะปรับตัวขึ้นได้ โดยคาดว่าหุ้นในกลุ่มเปิดเมืองน่าจะขึ้นนำตลาดฯ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นในกลุ่มโรงแรม, ท่องเที่ยว เป็นต้น และกลุ่มพลังงานก็น่าจะกลับมาด้วย อีกทั้งเงินบาทขณะนี้ได้แข็งค่าขึ้นทำให้น่าจะได้เห็นแรงซื้อของนักลงทุนเข้ามาบ้าง

อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตาม FTSE Rebalance ซึ่งจะมีผลวันที่ 20 ธ.ค.64, ติดตามประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 14-15 ธ.ค., ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 16 ธ.ค., ติดตามองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่จะประกาศสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนจะเป็นอย่างไร รวมถึงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศสำคัญ

พร้อมให้แนวรับ 1,595-1,600 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620-1,624 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (7 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,719.43 จุด เพิ่มขึ้น 492.40 จุด (+1.40%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,686.75 จุด เพิ่มขึ้น 95.08 จุด (+2.07%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,686.92 จุด เพิ่มขึ้น 461.76 จุด (+3.03%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 337.29 จุด หรือ +1.19%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 106.36 จุด หรือ +0.44% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 7.73 จุด หรือ +0.22%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 ธ.ค.)1,609.28 จุด เพิ่มขึ้น 21.09 จุด (+1.33%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 339.56 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 ธ.ค.) ปิดที่ระดับ 72.05 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.56 ดอลลาร์ หรือ 3.7%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 ธ.ค.) อยู่ที่ 4.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.60 แข็งค่าหลังดอลลาร์อ่อนจากคลายกังวลโอมิครอน
  • แบงก์ชาติสกัดตลาด คริปโทเคอร์เรนซีโตแรง เร่งหารือก.ล.ต. วางแนวทางกำกับ ย้ำไม่ห้ามแต่กังวล “เสถียรภาพราคา” หากใช้ชำระค่าสินค้าและบริการแทนเงินสด พร้อมห้ามแบงก์เข้าไปซื้อขายโดยตรง ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ภาะดอกเบี้ยต่ำหนุนนักลงทุนแสวงหาผลตอบแทนสูงมากขึ้น
  • นายกฯ สั่งทุกกระทรวงทำแผนงานเตรียมมอบเป็นของขวัญปี 2565 ให้ประชาชน ขณะที่ ครม. เห็นชอบคงอัตราภาษีที่ดินสิ่งปลูกสร้างต่ออีก 2 ปี ถึงปี 66 บรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
  • “กสิกร” คาดจีดีพีไทยปี 2565 โต 2.8-3.7% จับตาโอมิครอน ด้าน สรท.ลุ้นปีนี้ส่งออกโตสุดแกร่งแตะ 15% ด้านเอกชนมองโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย-ฉีดวัคซีนคืบหน้า ช่วยหนุนรัฐปลดล็อกมาตรการควบคุม กระทุ้งดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมฟื้นตัวต่อเนื่อง 3 เดือนติด อ้อนรัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ พยุงราคาพลังงาน ลดค่าน้ำ-ไฟ พร้อมตรึงค่าเอฟที
  • FETCO ชี้ปีหน้าเศรษฐกิจฟื้น หนุนตลาดหุ้นไทยขาขึ้น คาดดัชนีทะยานแตะ 1,800 จุด มองหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว-ธนาคาร-เฮลท์แคร์ ดาวเด่น มั่นใจทางการคุมโอมิครอนอยู่
  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน พ.ย.64 อยู่ที่ระดับ 85.4 เพิ่มขึ้นจาก 82.1 ในเดือน ต.ค.64 และเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยสูงสุดในรอบ 8 เดือนนับแต่ เม.ย.64 ขณะที่ค่าดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 97.3 จาก 95.0 ในเดือน ต.ค.64 เป็นค่าดัชนีสูงสุดในรอบ 21 เดือน เนื่องจากรัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ต่อเนื่อง และเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.64 ที่จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว ขณะเดียวกันรัฐได้ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องและภาคการส่งออกยังคงมีอัตราการเติบโตสูงต่อเนื่อง

หุ้นเด่นวันนี้

  • M (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 62 บาท คาดพลิกมีกำไรแข็งแกร่ง Q4/64 ราว 350-400 ลบ. ซึ่งโตได้เล็กน้อย Y-Y หลังกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ โดยยอดขายฟื้นต่อเนื่องในเดือน ต.ค.-พ.ย. ตามการคลาย Lockdown และจะดีสุดในเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็น High Season พร้อมคาดจบปี 64 มีกำไร 113 ลบ. และจะเร่งขึ้นเป็น 2.2 พันลบ.ในปี 65 จากสมมติฐานสถานการณ์ปกติไม่มี Lockdown ขณะที่การฟื้นตัวของราคายัง Laggard เทียบกับรอบก่อนๆ โดยให้แนวรับ 51.50-50 บาท แนวต้าน 53.50-54 บาท
  • PTTEP (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 150 บาท ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเป็นบวกโดยตรง เนื่องจากมีสูตรราคาเป็น Oil link แนวโน้มกำไรสุทธิ Q4/64 คาดสูงขึ้น qoq และ yoy ตามปริมาณและราคาที่เพิ่มขึ้นและจะไม่มี Hedging loss เหมือน Q2/64 และ Q3/64
  • AOT (กสิกรไทย) เป้า 64.46 บาท เห็นโอกาสลงทุนหลังหุ้นปรับตัวลงมามากกว่าหุ้นสนามบินต่างประเทศในสหรัฐฯหรือยุโรป Sentiment บวกหลังตลาดเริ่มคลายความกังวลจากโอมิครอนจะช่วยสนับสนุนการปรับตัวขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ธ.ค. 64)

Tags: , ,