หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นรีบาวด์หลังผู้ติดเชื้อโควิดในปท.ลดลงมาก-เงินบาทแข็งค่า

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีลุ้นรีบาวด์ขึ้นได้ หลังงบฯออกมาเกือบหมดแล้ว-เป็นไปตามตลาดคาด และคาดว่าไตรมาส 4/64 ถึงปี 65 งบฯน่าจะดีขึ้นได้ นอกจากนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดวันนี้กว่า 6 พันราย ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน เล็งหนุน Domestic play และกลุ่ม Reopening ได้ อีกทั้งเงินบาทแข็งค่าหนุน Fund Flow ไหลเข้า โดยเช้านี้เงินบาทแข็งค่ามาที่ 32.68 บาท/ดอลลาร์ แข็งสุดในรอบ 2 เดือน แต่ราคาน้ำมัน-ค่าการกลั่นปรับฐาน หวั่นกลุ่มพลังงานกดดันตลาด ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งบวก-ลบแคบ พร้อมให้แนวรับ 1,630-1,628 แนวต้าน 1,640-1,645 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวด์ขึ้นได้ หลังการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาเกือบจะหมดแล้ว ซึ่งออกมาก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับที่ตลาดคาด และในไตรมาส 4/64 ถึง ปี 65 ก็คาดว่าจะดีขึ้น

นอกจากนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันก็ลดลงมาก วันนี้มีจำนวน 6,300 กว่าราย ต่ำกสุดในรอบ 4 เดือน น่าจะช่วยหนุนหุ้น Domestic play และกลุ่ม Reopening ได้

ส่วนการปรับน้ำหนักลงทุนของ MSCI ออกมาแล้วก็ไม่ได้กระทบตลาดฯมาก และเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นก็ทำให้มีโอกาสที่ Fund Flow ไหลเข้า โดยเช้านี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาที่ 32.68 บาท/ดอลลาร์ฯ แข็งค่าสุดในรอบ 2 เดือน

แต่ราคาน้ำมันปรับฐาน และค่าการกลั่นที่ปรับตัวลงไปมาก ทำให้กลุ่มพลังงานอาจจะมากดดันตลาดฯได้ ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบในกรอบแคบ ในช่วงรอดูทิศทางต่าง ๆ จากฝั่งสหรัฐฯ ส่วนบ้านเราก็ติดตามการทยอยประกาศงบฯต่อไปในส่วนที่เหลือที่ยังไม่ออกมา และรอดูภาครัฐฯจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มอีกหรือไม่ รวมถึงติดตามทิศทางการเมืองในประเทศด้วย

พร้อมให้แนวรับ 1,630-1,628 จุด ส่วนแนวต้าน 1,640-1,645 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (12 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,100.31 จุด เพิ่มขึ้น 179.08 จุด (+0.50%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,682.85 จุด เพิ่มขึ้น 33.58 จุด (+0.72%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,860.96 จุด เพิ่มขึ้น 156.68 จุด (+1.00%)

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 197.4 จุด หรือ +0.66%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 110.02 จุด หรือ +0.43% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 3.80 จุด หรือ +0.11%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 พ.ย.) 1,633.94 จุด เพิ่มขึ้น 1.50 จุด (+0.09%)

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 290.52 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 พ.ย.64

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (12 พ.ย.) ปิดที่ระดับ 80.79 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 80 เซนต์ หรือ 1%

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 พ.ย.) อยู่ที่ 4.77 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 32.70 แข็งค่าจากสัปดาห์ก่อน ตลาดรอติดตามตัวเลข GDP ไทย-กระแสเงินทุน

– นายกฯ นำ ครม.ลงพื้นที่ภาคใต้ประชุม ครม.สัญจร 15-16 พ.ย.นี้ ที่ จ.กระบี่-ตรัง พร้อมติดตามมาตรการเปิดประเทศเพื่อเร่งสร้างความเชื่อมั่น กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง “เสกสกล” ตั้งจุดรับเรื่องร้องทุกข์ รับห่วงม็อบป่วน คาดมาไม่ต่ำกว่า 11 กลุ่ม สั่งฝ่ายความมั่นคงดูแลเข้ม “จุรินทร์” ควง 4 รมต.ลุยพังงา ดัน 16 โครงการ 2,128 ล้าน 6 จว.อันดามัน

– ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกรณีที่ราคาอาหารจานด่วนปรับขึ้นมากจากราคาอาหารสด ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ ผักสดบางชนิดมีราคาสูงขึ้นในขณะนี้ว่า วันที่ 15 พ.ย.นี้ ได้นัดประชุมร่วมกับห้างสรรพสินค้า ซึ่งเป็นผู้บริหารศูนย์อาหาร หรือฟู้ดคอร์ต เพื่อสอบถามว่าได้รับผลกระทบอย่างไร และมีต้นทุนด้านใดบ้างที่เพิ่มขึ้น เพื่อหาทางช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชน ขณะเดียวกันกรมได้หารือกับผู้ประกอบการตลาดสด เพื่อติดตามดูแลราคาสินค้าอาหารสดเครื่องปรุงต่างๆ และหาแนวทางดูแลราคาอาหารจานด่วนด้วย คาดว่าเมื่อหารือกันแล้วน่าจะได้ข้อสรุปในการดูแลค่าครองชีพให้ประชาชน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ยังคงดำเนินโครงการร้านอาหารธงฟ้าราคาประหยัดอยู่ ซึ่งมีร้านอาหารเข้าร่วมขายอาหารจานด่วนราคาถูกกว่า 13,000 แห่งทั่วประเทศ ขณะเดียวกันประชาชนยังสามารถใช้โครงการคนละครึ่งซึ่งรัฐบาลช่วยออกเงินในการซื้อสินค้าที่จำเป็นให้ครึ่งหนึ่ง เพื่อลดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย

– รฟม.เร่งเดินหน้ารถไฟฟ้าสายสีส้ม ปักธงเปิดบริการครบปี 70 โวเอกชนปรับแผนก่อสร้างหลังโควิด-19 ทำปิดแคมป์หนุนงานโยธาช่วงตะวันออกคืบ 87.24% คาดเปิดทำการต้นปี 68 จ่อ PPP ดึงเอกชนลงเสาช่วงตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ

– นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ก.ย.) มูลค่าการค้าและการส่งออกของไทยกับประเทศคู่ค้าที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (FTA) จำนวน 13 ฉบับ กับ 18 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เป็นต้น มีการขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่าสูงถึง 253,212.24 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 25.24% โดย เป็นการส่งออกมูลค่า 123,693.89 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 18.16% และนำเข้ามูลค่า 129,518.35 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 32.84%

– นายสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต กระบี่ ตรัง พังงา ระนอง สตูล) เปิดเผยว่า คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) เช่น หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคาร สมาคมการท่องเที่ยว กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้สรุปโครงการที่จะเสนอรัฐบาล ระหว่างลงพื้นที่ประชุมครม.สัญจร ที่ จ.กระบี่ และ จ.ตรัง ระหว่างวันที่ 15-16 พ.ย. ทั้งสิ้น 33 โครงการ เน้นโครงการที่ทำให้เกิดความยั่งยืน แบ่งเป็นท่องเที่ยว 9 โครงการ, โครงสร้างพื้นฐาน 8 โครงการ, เร่งด่วน 7 โครงการ, เยียวยาและฟื้นฟู 4 โครงการ, การเกษตร 3 โครงการ และคุณภาพชีวิต 2 โครงการ งบประมาณรวมกันประมาณ 10,000 ล้านบาท คาดว่าสร้างรายได้ภาคใต้ฝั่งอันดามัน ไม่ต่ำกว่าปีละ 600,000 ล้านบาท

หุ้นเด่นวันนี้

– MAJOR (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 28 บาท ราคาหุ้นร่วง 13% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คาดกำไรสุทธิ Q3/64 อาจจะไม่ได้สูงอย่างที่เราและตลาดคาดไว้เนื่องจากบริษัทอาจจะบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษเข้ามาประมาณ 500 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเป็นรายการ one-time และงบปกติ Q4/64 กลับมาฟื้นตัวและมีลุ้นจ่ายปันผลพิเศษ 1 บาทต่อหุ้นให้ Dividend yield 5%

– JMART (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 50.5 บาท กำไร Q3/64 ดีกว่าคาด 10% จากธุรกิจการเงินในกลุ่มที่รักษาการเติบโตได้ดี โดยคาด Q4/64 มีลุ้นทำ New High จากธุรกิจค้าปลีกที่ฟื้นตัวหลังคลายล็อคดาวน์ ส่วนปี 65-66 คาดได้แรงหนุนเพิ่มจากการ Synergy กับ VGI-U จะช่วยสร้างผลบวกทั้งด้านการเงินและธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ

– NSL (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 23 บาท กำไร Q3/64 -64% Q-Q, -51% Y-Y ดีกว่าคาด 9% เพราะถูกกระทบจากปัญหา Supply Chain ของลูกค้าทำให้สินค้าขาด Stock ใน 7-11 แค่มองผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แนวโน้ม Q4/64 จะฟื้นแรงตามโควิด-19 ที่คลี่คลายและทำให้ลูกค้าเข้า 7-11 มากขึ้น จึงคาดกำไรปี 2564 +25% Y-Y และเร่งตัวปีหน้า +44% Y-Y และคาดเติบโตในกัมพูชาตาม 7-11 เช่นกัน พร้อมให้แนวรับ 18 บาท แนวต้าน 19-19.30 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 พ.ย. 64)

Tags: , , ,