หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งพักตัวรับมูดี้ส์หั่นเครดิตแบงก์สหรัฐ-ตัวเลขศก.จีนอ่อนแอ

นักวิเคราะห์คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งพักตัว แรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศยังมี sentiment เชิงลบ หลังจากมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ลดอันดับความน่าเชื่อถือบางธนาคารในสหรัฐ รวมทั้งตัวเลขการนำเข้าและการส่งออกของจีนแย่กว่าที่ตลาดคาด นอกจากนี้ประเด็นการเมืองในประเทศยังต้องติดตามต่อ ซึ่งวันนี้พรรคเพื่อไทยจะแถลงเปิดตัวพรรคร่วมรัฐบาลเพิ่ม อาจทำให้ดัชนีดีดขึ้นมาระหว่างวันได้ อย่างไรก็ตามระยะสั้นตลาดอาจปรับตัวขึ้นเมื่อมีความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลแต่จะมีความผันผวนไปจนถึงวันโหวตเลือกนายกฯ ให้กรอบแนวรับ 1,500 – 1,510 จุด และแนวต้าน 1,535 จุด

นายชาญชัย พันธนากิจ รองผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ดัชนีเป็นภาพของการพักตัว แรงกดดันมาจากปัจจัยต่างประเทศยังมี sentiment เชิงลบ หลังจากที่มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือในบางธนาคารของสหรัฐ รวมทั้งการประกาศตัวเลขยอดส่งออกจีนก.ค.ร่วงลง 14.5% แตะที่ระดับ 2.8175 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนยอดนำเข้าร่วงลง 12.4% ในเดือนก.ค. ต่ำกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งตัวเลขที่ออกมาอาจจะส่งผลต่อภาคการส่งออกของประเทศไทยในระยะถัดไปด้วย

นอกจากนี้ประเด็นการเมืองในประเทศยังต้องติดตามพัฒนาการต่อ โดยระยะนี้ยังไม่ได้เป็นแรงหนุนดัชนีเพิ่มเติม ซึ่งในวันนี้เวลา 12.00 น. พรรคเพื่อไทยจะแถลงเปิดตัวพรรคร่วมรัฐบาลเพิ่ม ซึ่งหากมีความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลมากขึ้นทำให้ความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับมาดัชนีอาจดีดขึ้นได้ระหว่างวัน อย่างไรก็ตามในระยะสั้นตลาดจะปรับตัวขึ้นหลังจากมีความคืบหน้า หลังจากนั้นดัชนีจะมีความผันผวนเพื่อรอดูท่าทีไปจนถึงช่วงของการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

พร้อมทั้งให้กรอบแนวรับ 1,500 – 1,510 จุด และแนวต้าน 1,535 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (8 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,314.49 จุด ลดลง 158.64 จุด หรือ -0.45%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,499.38 จุด ลดลง 19.06 จุด หรือ -0.42% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,884.32 จุด ลดลง 110.07 จุด หรือ -0.79%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,059.58 จุด ลดลง 124.59 จุด -0.65% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,251.15 จุด ลดลง 9.47 จุด หรือ -0.29% และดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 32,346.32 จุด ลดลง 30.97 จุด หรือ -0.10%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 ส.ค.66) 1,515.44 จุด ลดลง 14.07 จุด (-0.92%) มูลค่าการซื้อขาย 41,008.04 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,376.17 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ส.ค.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. (8 ส.ค.) เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 82.92 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 ส.ค.) อยู่ที่ 9.26 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 35.03 แนวโน้มอ่อนค่า จับตาทิศทางการเมือง ให้กรอบวันนี้ 34.95-35.20

– “เพื่อไทย” เปิดตัวอีก 6 พรรคเล็กร่วม จัดตั้งรัฐบาล รวม 8 พรรค 236 เสียง ลุ้นเลือกเพิ่มพรรค 2 ลุง ท่ามกลางกระแสต้านของ สส.ในพรรค ขณะที่ “เศรษฐา-แพทองธาร” รับฟังเสียงสะท้อนจากลูกพรรค รุมขวาง “รวมไทยสร้างชาติ-พลังประชารัฐ” ลั่นเพื่อไทยต้องได้เป็นรัฐบาลและนายกฯ ด้าน “ธรรมนัส” โยนเพื่อไทยแก้โจทย์ไม่มีลุง ขณะที่ “ก้าวไกล” ยังไม่สรุปโหวตนายกฯให้เพื่อไทย

– “เครดิตบูโร” เผย “หนี้เสีย” ภาคครัวเรือนไทยไตรมาส 2 พุ่งทะลุ 1 ล้านล้านบาท ย้ำน่าห่วงหลังพบหนี้ “บ้าน-รถยนต์” กลายเป็นเอ็นพีแอลกว่า 3.8 แสนล้าน ขณะหนี้ที่อยู่ระหว่างปรับโครงสร้าง ยอดทะยานใกล้แตะ 1 ล้านล้านบาท เช่นกัน มองกลุ่มที่น่าห่วง ควรช่วยเหลือมากสุด คือ “กลุ่มรหัส 21” จากพิษโควิด หวังรัฐบาลใหม่ ช่วยเยียวยา

– สศช.เร่งดันงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ 3.4 แสนล้าน ลงระบบเศรษฐกิจไตรมาส 4 เตรียมชงบอร์ดอนุมัติเพื่อดันการลงทุน หวังพยุงเศรษฐกิจช่วงสุญญากาศการเมือง ครม.ปลดล็อกทางตันตั้งปลัด 2 กระทรวง “คลัง-พลังงาน” ให้ รมว.เสนอตั้งได้ แล้วให้ปลัดใหม่ตั้งอธิบดีได้ในกรณียังไม่ได้รัฐบาลใหม่ถึง ต.ค.

– “หอการค้า” ชี้ การเมืองไม่นิ่งทำเศรษฐกิจซึมต่อเนื่อง 2 เดือน ลุ้นตั้งรัฐบาลใหม่จบไม่เกิน ก.ย.2566 หวังช่วยเข็นจีดีพีปีนี้โต 3.5% ตามแผน ด้าน “สรท.” ลุ้น ก.ค.นี้ส่งออกพลิกโตบวก หลังดิ่งยาว 9 เดือน อ้อนรัฐช่วยดูแลต้นทุนค่าไฟ-ค่าแรง-ดอกเบี้ย

หุ้นเด่นวันนี้

– KCE (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 48 บาท มองบริษัทได้ประโยชน์จากแนวโน้มค่าเงินบาทที่มีการปรับตัวอ่อนค่าลงมา อีกทั้งคาดการระบายสต็อกสินค้ากำลังสิ้นสุดอาจเห็นการฟื้นตัวของคำสั่งซื้อตั้งแต่ไตรมาส 3/2566 รวมถึงอัตราค่าไฟฟ้า ต้นทุนวัตถุดิบราคาเรซินและไฟเบอร์กลาสที่ลดลงทำให้ GPM ปรับดีขึ้น

– BH (กรุงศรี) เป้า 250 บาท ราคาหุ้น Outperform ตลาดในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาสะท้อนผลกำไรไตรมาส 2/66 ที่อาจจะดีกว่าที่ตลาดเคยประเมินกันไว้ ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 3/66 จะกลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจนจาก High season ของธุรกิจ (เข้าสู่ฤดูฝน)

– AP (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 14.00 บาท กำไรไตรมาส 2/66 ทำได้ดีตามคาด จากการส่งมอบโครงการที่ทำได้ต่อเนื่อง รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น คาดกำไร 2H23 ยังเติบไตทั้ง h-h และ y-y แรงหนุนจากการโอนคอนโด 2 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท และจะมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีกกว่า 40 โครงการ มูลค่าราว 5.2 หมื่นล้านบาท คาดหนุน Presale เร่งขึ้น ขณะที่ Valuation เทรดเพียง PE 6 เท่า และคาดปันผลสูงราว 5.5% ต่อปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ส.ค. 66)

Tags: , , , ,