นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ในกรอบ ยังไร้ปัจจัยใหม่ และรอติดตามปัจจัยการเมืองในประเทศในการตั้งรัฐบาลและโหวตนายกฯครั้งต่อไป แต่ช่วงที่ผ่านมาดัชนีได้แรงหนุนจาก Fund flow ต่างชาติ ช่วยให้ดัชนีฟื้นขึ้นมาพร้อมให้แนวต้าน 1,545-1,550 จุด แนวรับ 1,525-1,530 จุด
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ โดยที่ยังไร้ปัจจัยใหม่ ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังต้องติดตามปัจจัยการเมืองต่อในเรื่องการตั้งรัฐบาลและการโหวตนายรัฐมนตรีในครั้งต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมายังมีแรงหนุนจากกระแสเงินทุนจากต่างชาติ (Fund flow) ไหลเข้าช่วยหนุนดัชนีให้ฟื้นขึ้นมา อีกทั้งในช่วงนี้เป็นช่วงทยอยประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 ซึ่งจะช่วยหนุนต่อหุ้นเฉพาะตัวได้ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเปิดมาเช้านี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ
โดยให้แนวต้าน 1,545-1,550 จุด แนวรับ 1,525-1,530 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (19 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,061.21 จุด เพิ่มขึ้น 109.28 จุด หรือ +0.31%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,565.72 จุด เพิ่มขึ้น 10.74 จุด หรือ +0.24% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,358.02 จุด เพิ่มขึ้น 4.38 จุด หรือ +0.03%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 18,826.59 จุด ลดลง 189.13 จุด หรือ -0.99% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,195.01 จุด ลดลง 2.81 จุด หรือ -0.09% และดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 32,812.36 จุด เพิ่มขึ้น 318.47 จุด หรือ +0.98%
– ตลาดหุ้นไทยปิด(19 ก.ค.66) 1,536.64 จุด เพิ่มขึ้น 1.34 จุด (+0.09%) มูลค่าซื้อขาย 51,751.76 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 21.74 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ก.ค.66
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.(19 ก.ค.) ลดลง 40 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 75.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 ก.ค.) อยู่ที่ 6.53 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 33.85 แข็งค่ารอบ 2 เดือนสวนทางภูมิภาค ปัจจัยการเมืองในประเทศหนุน
– สภาถกเดือดทั้งวันปมเสนอชื่อเป็น นายกฯ ซ้ำรอบสองได้หรือไม่ ก่อน “พิธา” รับทราบคำวินิจฉัยศาล รธน.สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ลุกยืนอำลาสภา ลั่น! ประเทศไทยเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว “ส.ส.ก้าวไกล” ปรบมือหลั่งน้ำตาอาลัย สุดท้าย “ส.ส.-ส.ว.” ลงมติ 395 ต่อ 317 เสียง ห้ามชง “พิธา” ซ้ำสอง “ก.ก.” ขอหารือในพรรคกำหนดท่าทีอีกครั้ง “สุริยะ” เผยผู้บริหารเพื่อไทยเตรียมนัด 8 พรรคร่วมคุยท่าทีโหวตครั้งใหม่ เล็งขอ ส.ว.สนับสนุน “เศรษฐา” ชิงนายกฯ “รทสช.-ส.ว.” ลั่นพร้อมหนุนแต่ต้องไม่มีพวกแก้ 112
– ผู้ว่าฯ ธปท.ชี้ตั้งรัฐบาลช้ากระทบเชื่อมั่นจากนักลงทุน ขณะนี้สถาบันจัดอันดับระดับโลกจับตาไทย หากมีความรุนแรงกระทบนักท่องเที่ยวหาย แนะการทำนโยบายรัฐบาลใหม่ควรเน้นเสถียรภาพ เพิ่มศักยภาพการลงทุนจากต่างประเทศ แต่เชื่อเศรษฐกิจไทยปีนี้โตได้ 3-4% ครึ่งแรกโต 2.9% ครึ่งหลังโตประมาณ 4.2% หวั่นหนี้ครัวเรือนยังสูง 90.6%
– ธปท.เตรียมร่างประกาศข้อกำหนด Virtual Bank ซึ่งจะเสนอกระทรวงการคลังภายในสิ้นเดือน ก.ค.นี้ เปิดรับสมัครได้ภายในสิ้นปีนี้ ประกาศชื่อผู้ชนะภายในปี 67 และเปิดกิจการปี 68 ย้ำช่วงแรกให้ใบอนุญาตเพียง 3 ราย แจงจำนวนแบงก์เพิ่มขึ้นไม่ได้ทำให้การแข่งขันดอกเบี้ยต่ำลง เผยเตรียมออกมาตรการแก้หนี้ครัวเรือน 21 ก.ค.นี้
– กระทรวงการคลังเร่งลดกรอบเพดานหนี้ตามมาตรา 28 กลับสู่ 30% จากกรอบปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 32% หวังเพิ่มพื้นที่การคลังให้รัฐบาลใหม่ใช้บริหารจัดการประเทศ
*หุ้นเด่นวันนี้
– CPAXT (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า BB Consensus 40.50 บาท คาดจะได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ขณะที่ราคาหุ้นอยู่ในโซนล่างจึงเป็นไปได้ที่นักลงทุนจะเข้าเก็งกำไร ขณะที่ผลประกอบการอยู่ในโหมดของการฟื้นตัว
– TOP (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 58.50 บาท คาดกำไรไตรมาส 2/66 ที่ 347 ล้านบาท ลดลงอย่างมีนัยฯ -92%QoQ, -99%YoY โดย Market GIM ลดลง -47%QoQ อยู่ที่ US$6.2/bbl หลักๆจากค่าการกลั่นลดลง รวมถึงผลขาดทุนสต็อกน้ำมันดิบอีกราว 2 พันล้านบาท แนวโน้มไตรมาส 3/66-ไตรมาส 4/66 ดีขึ้นต่อเนื่องหนุนจากอัตราเดินเครื่องโรงกลั่นเต็มกำลังไม่มีแผน Shutdown ประกอบกับส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะกลุ่ม Middle distillates รวมถึง Murban crude premium ลดลง ช่วงที่ผ่านมาราคาสะท้อนงบอ่อนแอไปแล้ว Valuation ปัจจุบันที่ไม่แพงซื้อขายกับที่ระดับ PBV ราว 0.6 เท่า
– PLUS (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 8 บาท คาดกำไรไตรมาส 2/66 จะฟื้นตัวแรง q-q มาอยู่ที่ 60 ลบ. จาก 8 ลบ. ในไตรมาส 1/66 หนุนจากคำสั่งซื้อลูกค้าแข็งแกร่งจากการกลับมา Restock แนวโน้ม Q3/66 น่าจะเร่งขึ้นต่อ เป็นจุดสูงสุดของปีและลุ้นทำจุดสูงสุดใหม่ และคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะขยับขึ้นต่อเนื่อง คาดกำไรปี 66 ที่ราว 200 ลบ. ทรงตัว y-y ดีกว่าเดิมที่เคยคาด และคาดปี 67 โตต่อเนื่อง +20%-25% ล่าสุด distributor ในสหรัฐขยายช่องทางสาขา Walmart ขึ้นเป็น 4,000 สาขา จากเดิม 2,000 สาขา นั่นหมายถึงคาดเห็นคำสั่งซื้อมาที่ PLUS มากขึ้นในระยะถัดไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ก.ค. 66)
Tags: ตลาดหุ้น, วีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา, หุ้นไทย