หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ตามภูมิภาค รอเงินเฟ้อสหรัฐคืนนี้-น้ำมันร่วงกดดัน

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ แกว่งไซด์เวย์ถึงไซด์เวย์อัพสอดคล้องตลาดภูมิภาค นักลงทุนรอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐคืนนี้ คาดหวังปรับตัวลง ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงอาจกดดันหุ้นกลุ่มน้ำมัน แต่ภาพรวมจะได้ปัจจัยบวกจากความเชื่อมั่นแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้สิ้นสุด ส่วนในประเทศยังติดตามพัฒนาการการเมืองอย่างต่อเนื่อง ให้กรอบแนวรับไว้ที่ 1,540-1,544 จุด และแนวต้าน 1,560-1,571 จุด

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้คาด แกว่งไซด์เวย์ถึงไซด์เวย์อัพ สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อย โดยนักลงทุนรอดูทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐคืนนี้ ซึ่งตลาดคาดหวังว่าจะปรับตัวลดลง โดยประเมินเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 4.1% ลดลงจากเดือนก่อนที่ 4.9% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานคาดลดลงมาอยู่ที่ 5.2% ต่ำกว่าดอกเบี้ยนโยบาย

ขณะที่วานนี้ ราคาน้ำมันปรับตัวลงแรง ระยะสั้นอาจกดดันหุ้นกลุ่มน้ำมัน แต่ภาพรวมสินทรัพย์เสี่ยงจะเป็นบวกจากความเชื่อมั่นดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้สิ้นสุด

ส่วนปัจจัยในประเทศยังคงต้องติดตามพัฒนาการทางการเมืองอย่างใกล้ชิด

ให้กรอบแนวรับไว้ที่ 1,540-1,544 จุด และแนวต้าน 1,560-1,571 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (12 มิ.ย.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,066.33 จุด เพิ่มขึ้น 189.55 จุด หรือ +0.56%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,338.93 จุด เพิ่มขึ้น 40.07 จุด หรือ +0.93% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,461.92 จุด พุ่งขึ้น 202.78 จุด หรือ +1.53%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,355.65 จุด ลดลง 48.66 จุด หรือ -0.25% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดเช้าที่ระดับ 3,223.90 จุด ลดลง 4.93 จุด หรือ -0.15% และดัชนีนิกเกอิเปิดเช้าที่ระดับ 32,668.95 จุด เพิ่มขึ้น 234.95 จุด หรือ +0.72%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 มิ.ย.66) 1,551.41 จุด ลดลง 3.70 จุด (-0.24%) มูลค่าการซื้อขาย 31,787.93 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 31.22 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.(12 มิ.ย.) ดิ่งลง 3.05 ดอลลาร์ หรือ 4.4% ปิดที่ 67.12 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 มิ.ย.) อยู่ที่ 5.88 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.67 อ่อนค่าตามภูมิภาค ตลาดรอปัจจัยใหม่ จับตาเงินเฟ้อสหรัฐ-ประชุมเฟด

– งัดคลิปสู้ปมหุ้นสื่อ “พิธา” ประธานอินทัชฯ ยัน “ไอทีวี” ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ รอผลคดีความสิ้นสุด “ชัยธวัช” อัดแก๊งปลุกผี ขวางตั้งรัฐบาลสกัดชิงนายกฯ ลั่นรวบรวมข้อมูลฟ้องกลับ “นักร้อง” ปูดข้อมูลเท็จ ด้าน “อินทัช” สั่งสอบรายงานประชุม ส่วนกกต. โยน “ทีมไต่สวน” สอบ ขณะที่ “เรืองไกร” ปูดอีก “พิธา” โอนหุ้นน้องชาย 25 พ.ค. 2566

– “ชัชชาติ” โชว์ผลงาน 1 ปี แก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว เตรียมเสนอ สภา กทม.ต้นเดือน ก.ค.นี้ เคาะจ่ายหนี้ 2 หมื่นล้านบาท จากเงินสะสมของ กทม.เพื่อเคลียร์หนี้งานติดตั้งระบบส่วนต่อขยาย รถไฟฟ้าสายสีเขียว หลังหารือร่วม “คีรี” นัดแรก ยืนยันบีทีเอสพร้อมให้บริการต่อเนื่อง ส่วนข้อเสนอสัมปทานแลกหนี้ โยนรัฐบาลตัดสินปมต่อสัมปทานแลกหนี้ตามคำสั่ง ม.44

– “ทีดีอาร์ไอ” เคาะจีดีพีปี 2566 โตแน่ 3.5% มองครึ่งหลังเศรษฐกิจสดใส ชี้ท่องเที่ยวแรงหนุนสำคัญ ห่วงหนี้ครัวเรือน-การเมืองถ่วง ด้าน “FETCO” กาง 5 ทางเลือกลงทุนสู้เศรษฐกิจถดถอย ชูหุ้น-พันธบัตร-ทองคำ-บิตคอยน์-เงินฝากดาวเด่น

– อีอีซีชี้ไร้สัญญาณย้ายฐานหนี รับรอรัฐบาลใหม่อาจมีผลกระทบบ้าง แต่พร้อมเดินหน้าดึงดูดลงทุนต่อเนื่อง ด้านบีโอไอยันไทยเนื้อหอม ทุนต่างชาติแห่ปักหมุดเพียบ พร้อมเปิดข้อมูลมาตรการดึงรายใหม่ลงทุน

หุ้นเด่นวันนี้

– BBIK (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 140 บาท ได้ Sentiment บวกหุ้นเทคในสหรัฐเพิ่มขึ้น เรามอง BBIK เป็นหุ้น Growth Stock คาดกำไรสุทธิปีนี้เติบโต 90% และปีหน้าโต 40% ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่แพงคิดเป็น PEG เพียง 0.75 เท่า

– PTTGC (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 46.7 บาท เรามองความไม่แน่นอนจากสถานการณ์การเมืองภายในประเทศทำให้หุ้นในกลุ่ม Global play มีความน่าสนใจมากกว่า โดยเฉพาะ PTTGC ที่เราคาดว่าผลประกอบการจะทยอยฟื้นตัวขึ้นได้ตลอดทั้งปี หลังผู้บริหารยืนยันปริมาณอีเทนราคาถูกจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนก.ค.เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการใช้อีเทนเป็นวัตถุดิบจะเพิ่มขึ้นจาก 36% ในครึ่งแรกของปี 2566 เป็น 40% ในครึ่งหลังของปี 2566 ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรได้ 4-5 พันลบ./ปี นอกจากนี้ ผู้บริหารเผยว่าระบบทุ่นรับน้ำมันดิบ (SPM) น่าจะกลับมาดำเนินงานได้ภายในปีนี้ โดยขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการซ่อมแซมแล้วและคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/2566

– WHA (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 5 บาท คาดผลประกอบการปี 66 ยังคงเติบโต จากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมที่จะได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนมาไทยผสานกับมาตรการสนับสนุนการลงทุน BOI จากภาครัฐฯ เป็นแรงหนุนเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มลูกค้า EV ที่น่าจะเป็นเป้าหมายสำคัญในช่วงถัดไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 มิ.ย. 66)

Tags: , , , ,