นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ ยังไร้ปัจจัยใหม่ หลังรับรู้ปัจจัยการเมืองในประเทศไปมากและเมื่อวานนี้มีความชัดเจนแถลง MOU ออกมา แต่ต้องติดตามท่าทีส.ว.ในการโหวตเลือกนายกฯและการพูดคุยของว่าที่นายกฯกับหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ส่วนปัจจัยภายนอกยังต้องรอความชัดเจนการขยายเพดานหนี้สหรัฐที่ยังไม่ได้ข้อสรุป ทำให้นักลงทุนมีความกังวลว่าสหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้ 1 มิ.ย.นี้ หรือไม่ พร้อมให้แนวต้าน 1,540 จุด แนวรับ 1,510 จุด
นายชาญชัย พันทาธนากิจ รองผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ โดยที่ยังไร้ปัจจัยใหม่เข้ามาส่งผลต่อตลาดหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งในส่วนของปัจจัยการเมืองในประเทศมองว่าตลาดรับรู้ปัจจัยไปมากแล้ว และเมื่อวานนี้ได้มีการแถลง MOU ของพรรคก้าวไกลและพรรคร่วมรัฐบาลออกมาชัดเจน ทำให้ตลาดตอบรับกลับมาในเชิงบวก และต้องติดตามท่าทีของส.ว.ในการที่จะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี รวมถึงการเดินหน้าไปพูดคุยกับหน่วยงานและองค์กรต่างๆของว่าทีนายกรัฐมนตรี
ส่วนปัจจัยต่างประเทศยังคงต้องรอติดตามการเจรจาขยายเพดานหนี้ของสหรัฐ ซึ่งนักลงทุนยังคงกังวลว่าจะสามารถขยายเพดานหนี้สหรัฐได้ทัน 1 มิ.ย.นี้ หรือไม่ หลังการเจรจายังไม่ได้ข้อสรุป รวมถึงยังมีความกังวลในการที่มีเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยต่อ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เปิดมาปรับตัวขึ้น
โดยให้แนวต้าน 1,540 จุด แนวรับ 1,510 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (22 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,286.58 จุด ลดลง 140.05 จุด หรือ -0.42%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,192.63 จุด เพิ่มขึ้น 0.65 จุด หรือ +0.02% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,720.78 จุด เพิ่มขึ้น 62.88 จุด หรือ +0.50%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 31,245.72 จุด เพิ่มขึ้น 158.9 จุด หรือ +0.51%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,713.46 จุด เพิ่มขึ้น 35.29 จุด หรือ +0.18% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,294.79 จุด ลดลง 1.68 จุด หรือ -0.05%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 พ.ค.66) 1,529.24 จุด เพิ่มขึ้น 14.35 จุด (+0.95%) มูลค่าการซื้อขาย 55,532.65 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,461.33 ล้านบาท (22 พ.ค.66)
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.(22 พ.ค.66) เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ หรือ 0.61% ปิดที่ 71.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 พ.ค.66) อยู่ที่ 5.20 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 34.47 อ่อนค่าต่อเนื่อง จากปัจจัยใน-นอกไร้ความชัดเจน-เงินไหลออก
-“8 พรรค” เลือกวันครบ 9 ปี คสช.รัฐประหาร “พิธา” นำทีมตั้งเซ็น “เอ็มโอยู” เขียนชัด ภารกิจที่ร่วมผลักดันต้องไม่กระทบการปกครองฯ-การคงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนปม “แก้ ม.112 – นิรโทษกรรม” ไม่มีในวาระรวม แยกเป็นวาระเฉพาะพรรค “หัวหน้าก้าวไกล” หวังปลดล็อกด่าน ส.ว. ด้านเพื่อไทยปัดดีล พปชร.สลับสูตร ขณะที่ รทสช.ยันไม่ตั้ง “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” สู้
– ภาคธุรกิจหวังจัดตั้งรัฐบาลราบรื่น เร่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หวั่น “ล่าช้า” กระทบเบิกจ่ายงบประมาณใหม่ เกิดสุญญากาศช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เสียโอกาสฟื้นตัว ฉุดมู้ดลงทุน การจับจ่าย พร้อมพิจารณานโยบาย ส่งผล “ต้นทุนพุ่ง” รอบคอบแนะ “ทยอย” ปรับค่าแรงขั้นต่ำค่อยเป็นค่อยไป เร่งวางยุทธศาสตร์ รับนักท่องเที่ยวเยือนไทยมหาศาล 80 ล้านคน ในอนาคต
– “สมาคมตราสารหนี้ ไทย” เผยหุ้นกู้เอกชนผิดนัดชำระดอกเบี้ยเพิ่ม “หมื่นล้าน” ส่งผลหุ้นกู้มีปัญหา แตะ 1.1 แสนล้าน ล่าสุด “ช ทวี” ผิดนัดชำระเงินต้น-ดอกเบี้ย 33.83 ล้าน “ผู้แทนถือหุ้นกู้” จ่อเรียกประชุมด่วนหาแนวทางแก้ไข จับตา 4 บริษัท อยู่ระหว่างปรับโครงสร้างหนี้ บล.ยูโอบีฯ ชี้ เป็นสัญญาณไม่ดี กดดัน บจ.ขนาดกลาง-เล็ก ขายหุ้นกู้ยาก
– บีโอไอ เปิดเผยว่า สถิติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนไตรมาส 1 (ม.ค.-มี.ค.) มีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุน 397 โครงการ เพิ่มขึ้น 9% และมีมูลค่าเงินลงทุน 185,730 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และพบว่าคำขอในอุตสาหกรรมเป้าหมายมี 205 โครงการ มูลค่า 154,414 ล้านบาท คิดเป็น 83% ของมูลค่าการขอรับส่งเสริมทั้งสิ้น ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ อาหารแปรรูป เคมีภัณฑ์ ยานยนต์
– เลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า หนี้ครัวเรือนไทยล่าสุดในไตรมาส 4 ปี 65 อยู่ที่ 86.9% ต่อจีดีพี คิดเป็น 15.09 ล้านล้านบาท แม้ภาพรวมปรับลดลง แต่ในรายไตรมาสกลับปรับเพิ่มขึ้น 3.5% ส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ขยายตัวสูง โดยเฉพาะบัตรกดเงินสด และบัตรในห้างสรรพสินค้า ทำให้ต้องมาดูแลเรื่องนี้ให้รอบคอบ พยายามทำให้หนี้ลดลง โดยเรื่องปัญหาหนี้เป็นความท้าทายของทุกรัฐบาล มองว่าอาจยังไม่ระเบิดเวลาในตอนนี้ แต่หนี้เป็นปัญหาต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจเพราะกระทบการใช้จ่ายครัวเรือน
– ททท.แจงนักท่องเที่ยวจีนปีนี้ อาจมาไทยไม่ถึง 5 ล้านคนตามเป้า “ธเนศวร์” เผยชี้แจงกับอธิบดีกรมการกงสุลแล้วจากปัญหาการเริ่มต้นใช้ระบบอี-วีซ่า ที่มีความยุ่งยากในการยื่นเอกสารใช้เวลาอนุมัตินานและออกวีซ่าได้แค่เดือนละ 8.4 หมื่นคน
หุ้นเด่นวันนี้
– BA (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 20 บาท แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 คาดยังแข็งแรงแม้เป็น Low Season หนุนจาก Load Factor ที่ยังสูงทำ Record High ที่ 87% และค่าตั๋วที่สูงกว่าก่อนโควิดราว 8% นอกจากนี้จำนวนนักท่องเที่ยวที่สนามบินสมุยฟื้นตัวกลับขึ้นเพียง 50% เทียบกับก่อนโควิด นั่นหมายถึงยังมีช่องว่างในการฟื้นตัวอีกมาก เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2566 ขึ้น 49% เป็น 1.4 พันลบ. สะท้อน Guidance ผู้บริหารล่าสุดที่ปรับเพิ่ม Load Factor และค่าตั๋วขึ้น และมี Upside จาก Pent-Up Demand ที่อาจสูงกว่าคาดจากนักท่องเที่ยวจีน
– IVL (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 35.00 บาท แนะนำ Trading Buy ลุ้นราคาหุ้น IVL Bottom out ด้าน Spread ของ PET เดือน เม.ย. อยู่ที่ 218$/T เทียบกับเดือน ม.ค.- มี.ค. ที่ 184$/T, 201$/T และ 208$/T ตามลำดับ ส่วนราคา Cotton ล่าสุดอยู่ที่ 82.9 USD/pound เทียบกับ Low ของปี 2023 ที่ 75 USD/pound ฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่วนปริมาณการขายและ Spread อยู่ในทิศทางที่ฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป หนุนผลการดำเนินงานให้ฟื้นตัวต่อเนื่องและจะเด่นในช่วง 2H23E ขณะที่ราคาหุ้น IVL -19%YTD และ Trade ที่ PBV เพียง 1X ราคาค่อนข้างถูกเทียบกับค่าเฉลี่ย DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2566-2567 ที่ 1.83 หมื่น ลบ. และ 2 หมื่น ลบ. -41%YoY และ +14%YoY ตามลำดับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 พ.ค. 66)
Tags: SET, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย