นักวิเคราะห์ฯคาด ตลาดหุ้นไทยวันนี้จะแกว่งตัวอยู่ในกรอบจำกัด จากปัจจัยกดดันที่ผู้ลงทุนส่วนใหญ่เริ่มตอบสนองกับโอกาสเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดอาจทำ Bond Yield เร่งตัวขึ้นในระยะสั้น รวมถึงดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น ขณะที่อีกปัจจัยคือเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวเร็วกว่าคาดอาจเห็นอย่างชัดเจนในไตรมาส 1/65 พร้อมให้แนวรับที่ 1,640 จุด และแนวต้านที่ 1,650 จุด
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบจำกัด จากปัจจัยกดดันที่ผู้ลงทุนส่วนใหญ่เริ่มตอบสนองกับโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็ว ซึ่งเดิมสมมติฐาน Dot Plot จาก 1 ครั้ง เพิ่มเป็น 2 ครั้ง ซึ่งจะเป็นการเร่งอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐให้สูงขึ้นในระยะสั้น รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ก็จะแข็งค่าขึ้น เป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นเกิดใหม่ โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทย จึงมองว่า Set Index ให้มีอัพไซด์ไม่เกิน 1,660 จุดในเดือน ต.ค.นี้
อีกปัจจัยหนึ่ง คือ เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด แม้ GDP ที่รายงานออกมาจะต่ำกว่าคาดไปบ้างที่ 4.9% แต่รัฐบาลจีนก็ออกนโยบายมากระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มสภาพคล่อง หรือการผ่อนคลายเงินสำรองเงินขั้นต่ำของธนาคารพาณิชย์ในประเทศ และมีแนวทางการเพิ่มสภาพคล่องเข้าไปในตลาดอสังหาฯ หลังจากเกิดกรกณีบริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจจีนอาจจะฟื้นอย่างชัดเจนในไตรมาส 1/65 ที่จะถึงนี้
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีรองรับ อย่างเช่น PTTGC พร้อมให้แนวรับ 1,640 จุด และแนวต้าน 1,650 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 3535,258.61 จุด ลดลง 36.15 จุด หรือ -0.10% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,486.46 จุด เพิ่มขึ้น 15.09 จุด หรือ +0.34% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,021.81 จุด เพิ่มขึ้น 124.47 จุด หรือ +0.84%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 29,117.28 จุด เพิ่มขึ้น 91.82 จุด หรือ +0.32%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,471.25 จุด เพิ่มขึ้น 61.5 จุด หรือ +0.24% ส่วนดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,562.30 จุด ลดลง 5.84 จุด หรือ -0.16%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ต.ค.) 1,643.92 จุด เพิ่มขึ้น 5.58 จุด (+0.34%)
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,687.94 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ต.ค.64
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 ต.ค.) ปิดที่ 82.44 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.2% นับตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. 2557 และในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา พุ่งขึ้น 3.7%
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ต.ค.) อยู่ที่ 7.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 33.43 แข็งค่าจากวานนี้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯกดดอลลาร์อ่อน
– ภาคเอกชนโหมลงทุน 5จี “ดับบลิวเอชเอ” นำ 5จี ใช้ในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งนิคมฯ คลังสินค้า ดาต้าเซ็นเตอร์ “ทรู” ชูพาร์ทเนอร์ชิพ-อีโคซิสเต็มส์ ยกระดับอุตสาหกรรม 4.0 สอดรับนโยบายเศรษฐกิจยุคใหม่ “หัวเว่ย” ชี้ 5จี เป็นเทคโนโลยีดิสรัปชั่น หนุนดิจิทัลอีโคโนมี เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ยกไทยผู้นำประยุกต์ใช้ 5จี ระดับอาเซียน
– “ดีอีเอส” ปักธง 5จี ปลุกเศรษฐกิจการจ้างงานชี้ไม่เกิน 10 ปี ตำแหน่งงาน 5จี พุ่ง 1.3 แสนอัตรา ดันจีดีพีประเทศขยับ 5.5 เท่า ด้าน “คณิศ” ย้ำ 5จี กุญแจสำคัญเพิ่มลงทุนอีอีซี ตามเป้า 2.2 ล้านล้านใน 5 ปี หนุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง ลดต้นทุนเอกชนในภาคอุตสาหกรรม เล็งขยายผลเมืองอัจฉริยะ 5จี จากบ้านฉางไปยังพื้นที่อื่น
– ศบค.สรุปแผนเผชิญเหตุ เปิดประเทศ 20 ต.ค. “อนุทิน” สั่งลุยฉีดเข็ม 3 ให้คนฉีดซิโนแวคครบ 2 เข็ม พร้อมกระตุ้นคนรับ “ซิโนฟาร์ม” 2 เข็มฟรี เมื่อถึงกำหนด เตรียมใช้วัคซีนสูตรไขว้ใหม่ “แอสตร้า-ไฟเซอร์” ตั้งเป้าสิ้นธ.ค.ฉีดเข็ม 1 ครอบคลุม 85% อยู่ร่วมโควิดแบบปลอดภัย ดัน “หมอพร้อม” สู่ Digital Health Pass รองรับเปิดประเทศ
– ค้าปลีก แนะรัฐวางแผน รับมือเปิดประเทศ 1 พ.ย. ชัดเจน รอบคอบ คุมการแพร่ระบาด หลังโพลล์เผยผู้ประกอบการ กังวลประชาชนรับวัคซีนไม่ถึงเกณฑ์ ติดเชื้อใหม่รายวันสูง เร่งปลุกใช้จ่าย ชู “ช้อปดีมีคืน” เจาะกลุ่มกำลังซื้อ
– “คลัง” ยันรัฐจำเป็นต้องกู้ 1.5 ล้านล้านบาทสู้วิกฤตโควิด-19 หลังภาคท่องเที่ยวอ่วม สูญรายได้ 2 ล้านล้านบาท แจงขยายเพดานหนี้เป็นเรื่องธรรมดา เปิดช่องกู้เงินเพิ่มป้องกัน-ฟื้นฟูเศรษฐกิจ พร้อมหนุนสร้าง 3 ภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจรับมือวิกฤตอนาคต
– กทม.-หอการค้าไทย-ททท. ชูโมเดล “กรุงเทพแซนด์บ็อกซ์” กำหนดมาตรฐานขั้นตอนการปฏิบัติงาน 11 ด้าน ขานรับนโยบายเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ ตั้งแต่ขั้นตอนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย ฯลฯ “ศักดิ์สยาม” เสนอ ศบค.ให้คนเดินทางไกล “เครื่องบิน-รถไฟ-บขส.” ต้องยื่นบัตรฉีดวัคซีนครบ 2 โดส ก่อนซื้อตั๋วโดยสาร
หุ้นเด่นวันนี้
– JMT(เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 48-49 บาท พร้อมเติบโต หลังสิ้นสุดการช่วยเหลือลูกหนี้สถาบันการเงิน เตรียมเงินลงทุนเพื่อซื้อหนี้มาบริหารเพิ่ม ขณะเดียวกองหนี้ในพอร์ตที่บริหารอยู่ทยอย Fully Amortize เพิ่มขึ้น หนุนกำไร JMT เติบโต แนวโน้ม NPL ของกลุ่มสถาบันการเงินในระบบในช่วง 1-2 ปีต่อจากนี้มีแนมโน้มเพิ่มขึ้น JMT ทยอยเพิ่มลงทุนทุกปีเพื่อซื้อหนี้เหล่านี้มาบริหารต่อ และติดตาม Synergy ที่จะเกิดหลังจับมือกับกลุ่ม BTS โดยKTBST ประเมินกำไรปี 64-65 ที่ 1.24 พัน ลบ. และ 2 พัน ลบ. +19%YoY, +63%YoY ตามลำดับ
– PTG (เอเขียเวลท์) “ซื้อ” เป้า 22.90 บาท คาดผลประกอบการ Q3/64 เป็นจุดต่าสุดของปี ตามทิศทางของรายได้ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 สะท้อนจากปริมาณการจาหน่ายน้ามันในสถานีบริการที่ลดลง 14%QoQ และลดลง 10%YoY คาดค่าการตลาดลดลงอยู่ที่ 1.75 บาทต่อลิตร จากการควบคุมราคาน้ามัน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 1.67 บาทต่อลิตร กลุ่มธุรกิจ LPG ชะลอตัวเล็กน้อย ทั้งภาคขนส่งและภาคครัวเรือน อย่างไรก็ตามเชื่อว่ากำไรสุทธิ Q3/64 จะเป็นจุดต่าสุดของปี ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 64-65 ลดลง 11% และ 5% ตามลำดับ
– CFRESH (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” เป้า 4.70 บาท คาดกำไรปกติ Q3/64 โตโดดเด่นเป็น 77 ลบ. +216% Q-Q, และพลิกจากขาดทุนปีก่อน โดยได้แรงหนุนจากทั้งราคาขายกุ้งแช่แข็งที่อยู่ในรดับสูง ขณะที่ต้นทุนทรงตัวในระดับต่ำ รวมถึงค่าเงินบาทที่อ่อนค่า แนวโน้ม Q4/64 คาดยังดีต่อเนื่องและหนุนทั้งปีคาดพลิกมีกำไร 214 ลบ.เป็นหุ้น Turnaround ขนาดเล็กในกลุ่มอาหารที่เราชอบ ปัจจุบันเทรด 65PER เพียง 12.5 เท่า ซึ่งยังไม่แพง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ต.ค. 64)
Tags: ตลาดหุ้น, สรพล วีระเมธีกุล, หุ้นไทย