นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังเป็นบวกตามราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน อีกทั้งสถานการณ์โควิด-19 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องส่งผลดีต่อหุ้นธีม Reopening ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเคลื่อนไหวในแดนบวก พร้อมให้แนวรับ 1,620 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 1,635 จุด
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ยังเป็นบวก จากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ด้านสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลดีต่อหุ้นธีม Reopening ไม่ว่าจะเป็นหุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 3/64 ของบริษัทจดทะเบียนที่กำลังจะประกาศออกมา อาจกดดันตลาดในระยะสั้น ก่อให้เกิดความผันผวนบ้าง
ด้านตลาดภูมิภาคเอเชียน่าจะเคลื่อนไหวค่อนข้างดี หลังจากบางตลาดเปิดบวกขึ้นมา เพราะฉะนั้นมองว่าตลาดเอเชียดูไม่น่าจะมีความกังวล
วันนี้แนะนำหุ้นกลุ่มถ่านหิน เช่น BANPU และหุ้นกลุ่มบรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะแผ่นฟิล์มที่น่าจะมีผลกำไรในไตรมาส 3/64 สูง เช่น AJ และสำหรับหุ้นที่ต้องระมัดระวังการลงทุน คือกลุ่มส่งออกบางตัว เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาค่าระวางเรือขึ้นสูงมาก และต้นทุนบรรจุภัณฑ์บางประเภท เช่น กระป๋อง โลหะ ก็สูงขึ้นเช่นกัน เพราะฉะนั้นอาหารหรือสินค้าที่ต้องพึ่งการขนส่งทางเรือก็จะประสบปัญหาต้นทุนที่เพิ่มขึ้น จนกระทั่งอาจกระทบคำสั่งซื้อได้ เช่น XO,CBG,APURE ส่วนกลุ่มอิเล็กทรอนิคส์น่าจะสามารถสู้ราคาตู้ได้มากกว่า
พร้อมให้แนวรับที่ 1,620 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 1,635 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (5 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,314.67 จุด เพิ่มขึ้น 311.75 จุด หรือ +0.92% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,345.72 จุด เพิ่มขึ้น 45.26 จุด หรือ +1.05% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,433.83 จุด เพิ่มขึ้น 178.35 จุด หรือ +1.25%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,033.91 จุด เพิ่มขึ้น 211.79 จุด หรือ +0.76% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,259.20 จุด เพิ่มขึ้น 155.05 จุด หรือ +0.64% ตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้ (6 ต.ค.) เนื่องในวันชาติ
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 ต.ค.) 1,624.24 จุด เพิ่มขึ้น 9.76 จุด (+0.60%)
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 437.51 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ต.ค.64
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (5 ต.ค.) ปิด 78.93 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนวันที่ 21 ต.ค 2557
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 ต.ค.) อยู่ที่ 6.97 ดอลลาร์/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 33.81 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากวานนี้ตามทิศทางตลาด หลังตัวเลขศก.สหรัฐฯหนุนดอลล์แข็ง
– “เอสแอนด์พี” คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ BBB+ และมุมมองความน่าเชื่อถือที่ระดับมีเสถียรภาพ คาดจีดีพีไทยปี 64 เติบโตร้อยละ 1.1 จากการคลังสาธารณะ-การเงินต่างประเทศมีความแข็งแกร่ง แต่เฝ้าจับตาการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม และเสถียรภาพทางการเมืองอย่างใกล้ชิด
– FETCO เชื่อเม็ดเงินต่างชาติ ไหลเข้าหุ้นไทย ไตรมาส 4/64 มากกว่า 2 หมื่นล้าน อานิสงส์เปิดเมือง ดันเศรษฐกิจฟื้นตัว หนุนดัชนีเทรนด์ขาขึ้น คาดปีหน้าแตะ 1,800 จุด ด้านดัชนีเชื่อมั่น 3 เดือนข้างหน้า (ธ.ค.64) ลดลง 1.1% อยู่ที่ 142.71 จุด แต่ยัง “ร้อนแรง”
– ธปท.ร่อนหนังสือเวียนแจงหลักเกณฑ์-กฎหมายคุมปล่อยสินเชื่ออย่างเป็นธรรม วางแนวทางแบงก์ปรับใช้ดูแลลูกหนี้และผู้ค้ำประกัน ด้าน “ออมสิน-ไอแบงก์” สั่งพักหนี้ช่วยลูกค้าอ่วมพิษน้ำท่วม
– “อาคม” ยันยังไม่มีนโยบายลดภาษีน้ำมันดีเซล กองทุนน้ำมันฯ ยังมีแรงประคองราคาไม่เกินลิตรละ 30 บาท ด้าน ธพ.เผยภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันรอบ 8 เดือนลดลง 4.4%
– ศูนย์ฯบางซื่อเปิดลงทะเบียนฉีดเข็ม 1 และเข็ม 3 เริ่ม 7 ต.ค. ‘ชัยนาท’ นักเรียน 9 คน มีอาการข้างเคียงหลังฉีดไฟเซอร์ส่งเข้า รพ.อาการปลอดภัยแล้ว ยอดป่วยโควิดไทยต่ำกว่าหมื่น 2 วันติด ผู้เสียชีวิตน้อยกว่า 100 ราย 4 วัน ต่อเนื่อง 5 จังหวัดใต้ป่วยพุ่งติดท็อปเท็น สธ.ระดมทีมลงช่วยสกัดแพร่ระบาด
– ไทยเตรียมวัคซีนมาอีกเรื่อยๆ หลัง ครม.อนุมัติจัดซื้อวัคซีนแอสตราฯเพิ่มจากฮังการี 4 แสนโดส รวมถึงรับการสนับสนุนจากเยอรมนี-ไอซ์แลนด์ พร้อมจัดงบอีก 1.32 พันล้านเยียวยาเด็กเล็ก ด้าน “วิษณุ” แย้มยังไม่ทูลเกล้าฯ พ.ร.ก.โรคติดต่อ อ้างไม่เร่งรีบเพราะยังใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินยาวถึง พ.ย.ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อ-ผู้เสียชีวิตรายวันลดลงต่ำหมื่น-ต่ำร้อยพร้อมกันเป็นวันที่สอง แต่อีสานยังพบคลัสเตอร์ใหม่ทั้งงานบุญแจกข้าว-งานเกษียณ-โรงพัก
หุ้นเด่นวันนี้
– MAJOR (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 28.00 บาท อานิสงส์รัฐบาลคลายล็อกดาวน์โรงหนังกลับมาเปิดฉายได้ ขณะที่มีหนังฟอร์มยักษ์จ่อคิวเข้าฉาย James Bond 007, Fast & Furious 9, Black Widow, และ Spider Man นอกจากนี้ยังมีลุ้นนำเงินกำไรจากการขายหุ้น SF แบ่งจ่ายเป็นเงินปันผลประมาณ 1 บาทต่อหุ้นให้ Dividend yield 5%
– AMATA (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 23.50 บาท เกาะกระแส Stagflation ที่ดินเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่ชนะเงินเฟ้อ, นอกจากนี้ยังได้ผลบวกจากธีมการย้ายฐานการผลิตหลังจีนเผชิญปัญหาวิกฤติพลังงานและยังมีความเสี่ยงจาก Trade war
– BDMS (เอเชีย เวลท์) “ซื้อ” เป้า 27.00 บาท คาดแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 3/64 เติบโต จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า หนุนจากจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ผู้ป่วยที่ไม่ใช่โควิด-19 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังคลายล็อกดาวน์ คาดอัตรากาไรขั้นต้น ไตรมาส 3/64 อยู่ที่ 33.5% สูงขึ้น, ผลประกอบการไตรมาส 4/64 มีแนวโน้มลดลงจากไตรมาส 3/64 หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว การเปิดประเทศเป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการในปี 2565
– FSMART (ฟินันเซีย ไซรัส) “เก็งกำไร” เป้าเทคนิค 11.50-12 บาท เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ได้อานิสงส์จากการคลาย Lockdown ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะการค้าขายในต่างจังหวัดคึกคักมากขึ้น เป็นบวกต่อธุรกิจตู้บุญเติมจากปริมาณ Transaction ที่สูงขึ้น และแรงหนุนจากการต่อยอดบริการการเงินผ่านตู้ร่วมกับธนาคาร ส่วนธุรกิจใหม่ตู้เครื่องดื่มอัตโนมัติเต่าบินกระแสตอบรับค่อนข้างดี จึงมีแผนเพิ่มจาก 100+ ตู้เป็น 1,000 ตู้ปีนี้ หนุนการเติบโต Consensus คาดกำไรปี 65 +14% Y-Y
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ต.ค. 64)
Tags: กิจพณ ไพรไพศาลกิจ, ตลาดหุ้น, หุ้นไทย