หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มรีบาวด์ตามตลาดตปท. เล็งกลุ่มพลังงานหนุนรับราคาน้ำมันนิวไฮ

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์ตามตลาดหุ้นทั่วโลก โดยดาวโจนส์รีบาวด์เกือบ 600 จุด จากแรงซื้อกลับหุ้นวัฏจักรเศรษฐกิจ ส่งผลให้ตลาดภูมิภาคเช้านี้บวกกันด้วย นอกจากนี้ตลาดบ้านเราฯน่าจะได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ถึงตลาดบ้านเราเมื่อวานนี้ดัชนีฯสามารถปิดเหนือระดับ 1,600 ได้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีแสดงให้เห็นว่ายังมีแรงรับ โดยให้ติดตามการประชุมครม.วันนี้ พร้อมให้แนวรับ 1,590 แนวต้าน 1,620-1,625 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยดาวโจนส์ได้รีบาวด์ขึ้นเกือบ 600 จุด จากแรงซื้อกลับในหุ้นวัฏจักรเศรษฐกิจ อย่างหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มแบงก์ ซึ่งตลาดบ้านเราก็มีน้ำหนักหุ้นทั้งสองกลุ่มนี้ค่อนข้างมาก ทำให้น่าจะมาช่วยหนุนให้ตลาดฯรีบาวด์ขึ้นได้ อีกทั้งราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นสูงสุดในอรบ 2 ปีครึ่งด้วย ทำให้เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างก็ปรับตัวขึ้นกัน รวมถึงตลาดบ้านเราเมื่อวานนี้ดัชนีฯสามารถปิดเหนือระดับ 1,600 จุดได้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นว่ายังมีแรงรับ พร้อมให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ และคืนนี้ให้ติดตามถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะแถลงต่อสภาคองเกรส ซึ่งก็คาดว่าน่าจะส่งสัญญาณการผ่อนคลาย แต่ให้จับตามุมมองด้านเศรษฐกิจ ส่วนพรุ่งนี้ให้ติดตามตัวเลขส่งออกของไทย และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต และภาคบริการที่จะทยอยออกมาของทั่วโลก

พร้อมให้แนวรับ 1,590 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620-1,625 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 มิ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,876.97 จุด เพิ่มขึ้น 586.89 จุด (+1.76%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,224.79 จุด เพิ่มขึ้น 58.34 จุด (+1.40%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,141.48 จุด เพิ่มขึ้น 111.10 จุด (+0.79%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 10.61 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 502.14 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 86.16 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 มิ.ย.) 1,601.13 จุด ลดลง 11.85 จุด (-0.73%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,275.19 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 มิ.ย.) ปิด 73.66 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 2.02 ดอลลาร์ หรือ 2.8%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 มิ.ย.) อยู่ที่ 1.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.60 ทรงตัวจากวานนี้ แต่แนวโน้มแข็งค่าหลังดอลลาร์อ่อนค่า
  • กระทรวงท่องเที่ยวฯ ชง ครม.เคาะแผนเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยว นำร่องภูเก็ต 1 ก.ค. ต่อด้วยสุราษฎร์ฯ 15 ก.ค.นี้ ททท.ผนึกหอการค้าอัดแคมเปญ “ฮักไทย” กระตุ้นภูเก็ตหวังสะพัดแสนล้าน เล็งเจรจาจีน-เวียดนาม ทำ “ซิตี้ บับเบิล” ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯ แนะทบทวน 120 วัน ห่วงโควิดระบาดระลอก 4
  • คลังจับมือ “เวิลด์แบงก์-เอดีบี” ศึกษาแนวทางการพัฒนาเพิ่มรายได้รัฐบาลอย่างยั่งยืน โดยโครงสร้างภาษีใหม่จะต้องแข่งขันได้ ทันสมัยและเป็นธรรม ชี้สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อรายได้รัฐบาลหนัก โดย 7 เดือนแรกของปีนี้รายได้ต่ำเป้าแล้ว 1.29 แสนล้าน
  • “อนุทิน” สั่งการขึ้นทะเบียนกัญชาพันธุ์ไทย 4 สายพันธุ์ เป็นมรดกชาติ เพื่อสร้างประโยชน์ตามนโยบายกัญชาเสรี คาดแล้วเสร็จเดือน ส.ค.นี้ พร้อมสั่งเร่งศึกษานำสารสกัดรากกัญชา รักษาเนื้อเยื่อปอด ผู้ป่วยที่เคยติดเชื้อโควิด-19 มอบ อย.-กรมแพทย์แผนไทย หาช่องทางตอบแทนวิสาหกิจชุมชน ที่นำช่อ ดอก มาคืนรัฐ
  • รายงานข่าวจากสถาบันการเงิน เปิดเผยว่า ในเร็วๆ นี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเรียกสถาบันการเงินเข้าหารือเกี่ยวกับการปรับลดเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อรายย่อย หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาหนี้สินประชาชนทั้งระบบ โดยเฉพาะลดเพดานดอกเบี้ยบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคลและสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ โดยเบื้องต้นอาจจะปรับลดดอกเบี้ยส่วนนี้ลงอีก 1-2% ครอบคลุมสินเชื่อที่มีเพดานดอกเบี้ยสูงกว่า 20% ต่อปี เช่น สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อส่วนบุคคล นาโนไฟแนนซ์ และพิโกไฟแนนซ์ เป็นต้น คาดการลดดอกเบี้ยจะมีผล 1 ปีครึ่ง หรือถึงสิ้นปี 65
  • “คณิศ” เผยปีนี้เม็ดเงินลงทุนจริงใน “อีอีซี” กลับมาแล้วแตะ 3 แสนล้านบาท รับอานิสงส์เศรษฐกิจโลกฟื้นเร่งรัดฉีดวัคซีนในประเทศ และอั้นมาจากปี 63 ที่ชะลอลงทุนจนเม็ดเงินทรุดลงไปแตะ 1 แสนล้านบาท ชี้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มเติบโตรวดเร็วกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้

หุ้นเด่นวันนี้

  • ECF-W4 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค(ECF)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 191,894,988 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 2.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (2 มิถุนายน 2564) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 20 ก.ค. 2564 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 2 มิ.ย. 2567
  • PTTEP (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 160 บาท ได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบพุ่งแรงและทำสถิติสูงสุดในรอบ 32 เดือน หนุนผลประกอบการของ PTTEP โตต่อเนื่องทั้งในช่วง Q2/64 และในช่วงที่เหลือของปีนี้
  • PJW (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 6.60 บาท ธุรกิจ Turnaround ต่อเนื่องในปีนี้ โดยเฉพาะโรงงานในจีนที่จะขาดทุนลดลงและเริ่มสร้างกำไรได้ในปี 2565 หลังลูกค้าในจีนฟื้นจากโควิด-19 และเตรียมเจรจากับลูกค้าขยายอายุสัญญาต่อไปอีก 3 ปี ส่วนการขายบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับนมและสินค้าอุปโภคบริโภคได้อานิสงส์จากการเปิดเมืองและการฟื้นตัวขจองเศรษฐกิจ พร้อมคาดกำไรปี 64-65 +40% Y-Y และ +26% Y-Y ตามลำดับ ราคาหุ้นปัจจุบันมี PE 20 เท่าแต่ PEG ต่ำเพียง 0.5
  • PTT (ยูโอบี เคย์เฮียน) “เก็งกำไร”เป้า 44 บาท หุ้นที่ยัง underowned และ Laggard คาดมีโอกาสฟื้นตามราคาพลังงาน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 มิ.ย. 64)

Tags: , , , , , ,