SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,533.65 จุด ลดลง 5.21 จุด (-0.34%) มูลค่าการซื้อขายราว 38,143 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งทรงตัวคล้ายภูมิภาคช่วงรองบฯของแต่ละตลาดฯ-ตอบรับโควิดระบาดหนักไปบ้างแล้ว ส่วนบ้านเรารับแรงกดดันจากกลุ่มแบงก์แม้งบฯดีแต่ตั้งสำรองฯเพิ่ม อีกทั้งหุ้น SCC และ BANPU ปรับตัวตามปัจจัยเฉพาะตัว มีเพียงกลุ่มสื่อสาร-อิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมาตอบรับบาทอ่อน บ่ายนี้ตลาดฯคงแกว่งทรงตัว ให้แนวรับ 1,535-1,530 แนวต้าน 1,545 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,533.65 จุด ลดลง 5.21 จุด (-0.34%) มูลค่าการซื้อขายราว 38,143 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยทำระดับสูงสุด 1,545.39 จุด และระดับต่ำสุด 1,532.34 จุด
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งทรงตัว คล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวบวก-ลบสลับกัน ในช่วงรอติตดามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของแต่ละตลาดฯ และได้ตอบรับสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีความรุนแรงไปบ้างแล้ว
ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราได้รับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มแบงก์ แม้ว่าผลประกอบการออกมาไม่แย่ แต่มีการตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเป็นผลจากการแพร่ระบาดโควิด-19 อีกทั้งหุ้น SCC และ BANPU ปรับตัวลงด้วยปัจจัยเฉพาะตัว มีเพียงหุ้นในกลุ่มสื่อสารและกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวขึ้นมาหนุนตลาดฯได้บ้าง จากการับประโยชน์เงินบาทอ่อนค่า
อย่างไรก็ดี บ่ายนี้แนะติดตามผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีและซีอีโอภาคเอกชนในเรื่องการรับข้อเสนอต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และพรุ่งนี้จะมีประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอย่างไร
ฝ่ายวิจัยหยวนต้าได้ประเมินผลกระทบจากการล็อกดาวน์ 13 จังหวัดในครั้งนี้อาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจคิดเป็นวงเงิน 8 หมื่นล้านบาท ถึง 1 แสนล้านบาทต่อเดือน ขณะที่เม็ดเงินเยียวยามี 4-5 หมื่นล้านบาทต่อเดือน ยังไม่ Cover กับสิ่งที่เสียไป ดังนั้นเชื่อว่าภาครัฐฯจะต้องมีมาตรการเพิ่มเติมออกมาอีก
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายณัฐพล กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งทรงตัว โดยมีแนวรับ 1,535-1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,545 จุด แนะติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ และตัวเลขส่งออกของไทยที่เลื่อนออกไปเป็นในวันที่ 23 ก.ค.นี้ ส่วนนอกประเทศติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันที่ 22 ก.ค. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ และยุโรป
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,937.04 ล้านบาท ปิดที่ 105.50 บาท ลดลง 3.50 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,528.10 ล้านบาท ปิดที่ 57.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,456.40 ล้านบาท ปิดที่ 35.50 บาท ลดลง 0.25 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,258.73 ล้านบาท ปิดที่ 13.30 บาท ลดลง 0.50 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,159.91 ล้านบาท ปิดที่ 406.00 บาท ลดลง 16.00 บาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.ค. 64)
Tags: SET, ณัฐพล คำถาเครือ, ตลาดหุ้นไทย, บล.หยวนต้า, หุ้นไทย