SET ปิดเช้าวันนี้ที่ 1,523.37 จุด ลดลง 2.93 จุด (-0.19%) มูลค่าซื้อขายราว 18,102 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าแกว่งไซด์เวย์จับตากำหนดวันโหวตเลือกนายกฯ อีกครั้ง และโอกาสได้ข้อสรุปชัดเจนหรือไม่ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศติดตามถ้อยแถลงประธานเฟดส่งสัญญาณแนวโน้มดอกเบี้ย แนวโน้มช่วงบ่ายตลาดฯน่าจะเคลื่อนไหวคล้ายช่วงเช้า ให้แนวรับ 1,515 จุด และแนวต้าน 1,540 จุด มองหากย่อตัวยังมีแรงซื้อกลับ
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ 1,523.37 จุด ลดลง 2.93 จุด (-0.19%) มูลค่าซื้อขายราว 18,102 ล้านบาท
การซื้อขายช่วงเช้า ดัชนีแกว่งไซด์เวย์ ทำระดับสูงสุด 1,530.18 จุด และต่ำสุด 1,522.33 จุด
นายธวัชชัย อัศวพรไชย นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค บล.เอเอสแอล กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าแกว่งไซด์เวย์ เน้นซื้อขายหุ้นรายตัว นักลงทุนยังจับตาสถานการณ์การเมืองในประเทศ หลังจากเลื่อนโหวตนายกฯ จาก 27 ก.ค.รอศาลรัฐธรรมนูญรับหรือไม่รับคำร้องวินิจฉัยการใช้ข้อบังคับการประชุม 41 ไม่ให้เสนอชื่อนายพิธา ลิ่มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกลโหวตนายกฯรอบที่ 2 เป็นการขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่คาดใช้เวลา 5 วัน จึงต้องรอดูว่าจะกำหนตวันโหวตนายกฯครั้งต่อไปเมื่อใด และจะมีความชัดเจนอย่างไร
ทั้งนี้ ประเมินผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย แบ่งเป็น 3 กรณี ดังนี้
1. Best case เพื่อไทย + ก้าวไกล + ภูมิใจไทย หนุน SET ขึ้นมากกว่า 1,560 จุด ได้คะแนนเสียงรวมมากพอโดยไม่ต้องพึ่งพิงเสียง สว. รวมถึงตลาดจะคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย และการปรับโครงสร้างทางสังคม ของพรรคก้าวไกล
2. Base case เพื่อไทย เลือกที่จะสลับขั้วไปจับกับพรรครัฐบาลเดิม หนุน SET อยู่ในกรอบ 1,510-1,560 จุด ได้กลุ่มทุนใหญ่หนุนตลาด แต่ upside risk จำกัด คาดว่าจะเห็นการชุมนุมประท้วงอาจกระทบต่อกลุ่มท่องเที่ยว
3. Worse case เพื่อไทย + ก้าวไกล ประกาศเป็นฝ่ายค้าน หรือ รอ สว. หมดวาระปีหน้า ประเมิน SET มี downside risk ในกรอบ 1,470-1,510 จุด กระทบบประมาณถึง 3 ปีงบประมาณ คือ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 67-69 ส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ตลาดฯ ยังรอดูผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แม้มองว่าตลาดได้ price in เรื่องเฟดขึ้นดอกเบี้ยไปพอสมควรแล้ว ให้น้ำหนักเกือบ 100% ที่จะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.25-5.50% แต่ต้องติดตามถ้อยแถลงประธานเฟดว่าจะส่งสัญญาณต่อทิศทางดอกเบี้ยช่วงต่อไปอย่างไร ประเมินว่าโทนการใช้นโยบายการเงินน่าจะเบาลงหลังเงินเฟ้อชะลอตัวต่อเนื่อง
แนวโน้มช่วงบ่ายคาดว่า ตลาดฯ น่าจะเคลื่อนไหวคล้ายกันกับช่วงเช้า ให้แนวรับไว้ที่ 1,515 จุด และแนวต้าน 1,540 จุด มองหากย่อตัวลงมายังมีแรงซื้อให้กลับขึ้นไปได้อยู่
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,807.52 ล้านบาท ปิดที่ 124.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 755.11 ล้านบาท ปิดที่ 34.75 บาท ลดลง 0.25 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 632.18 ล้านบาท ปิดที่ 61.50 บาท ลดลง 0.25 บาท
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 537.58 ล้านบาท ปิดที่ 28.25 บาท ลดลง 0.25 บาท
KTB มูลค่าการซื้อขาย 533.93 ล้านบาท ปิดที่ 20.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ค. 66)
Tags: ตลาดหุ้น, ธวัชชัย อัศวพรไชย, หุ้นไทย