SET ปิดวันนี้ที่ 1,592.67 จุด ลดลง 4.43 จุด (-0.28%) มูลค่าการซื้อขาย 44,756.11 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง รับแรงขายลดความเสี่ยงก่อนหยุดยาว โดยเฉพาะแรงขายทำกำไรในหุ้น DELTA และยังถูกกดดันหลัง IMF ปรับลดคาดการณ์ GDP โลกลง รวมถึงรับ Sentiment ลบจากตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดตลาดฯ ฟื้น จากคาดตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐน่าจะออกมาตามคาดหรือต่ำกว่าคาดเล็กน้อย และยังเป็นช่วงเข้าสู่การประกาศผลงานไตรมาส 1/66 ของบริษัทจดทะเบียนไทย ซึ่งหากตัดกลุ่มปิโตรเคมีออกไป คาดว่าหุ้นกลุ่มอื่นๆ เช่น ธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก ผลงานก็น่าจะออกมาดี ให้แนวต้านไว้ที่ 1,620 จุด และแนวรับ 1,580 จุด
SET ปิดวันนี้ที่ 1,592.67 จุด ลดลง 4.43 จุด (-0.28%) มูลค่าการซื้อขาย 44,756.11 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับตัวลง โดยดัชนีทำจุดสูงสุดของวันที่ 1,598.27 จุด ทำจุดต่ำสุดที่ 1,580.71 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 487 หลักทรัพย์ ลดลง 877 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 542 หลักทรัพย์
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง รับแรงขายลดความเสี่ยงก่อนหยุดยาววันพฤหัสบดีและศุกร์นี้ เนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์ของไทย โดยเฉพาะแรงขายทำกำไรในหุ้น DELTA และยังมีปัจจัยกดดันจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 66 และ 67 จะอยู่ที่ระดับ 2.8% และ 3% ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนม.ค.ที่ระดับ 2.9% และ 3.1% อีกทั้งได้รับ Sentiment เชิงลบจากตลาดหุ้นฮ่องกงที่ปรับตัวลงด้วย
แนวโน้มสัปดาห์หน้า คาดตลาดฯมีโอกาสฟื้นขึ้นได้ เนื่องจากคาดว่าตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่จะเปิดเผยออกมาในคืนวันนี้ น่าจะเป็นไปตามที่ตลาดไว้ที่ 5.1% หรือต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ซึ่งหากสังเกตุราคาทองคำวันนี้ก็ปรับตัวขึ้นมาโดดเด่น และดาวโจนส์เมื่อวานนี้ก็อยู่ในแดนบวกได้ บ่งบอกถึงนักลงทุนไม่ได้กังวลต่อตัวเลขในคืนนี้มากนัก
ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้าจะเริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/66 ของบริษัทจดทะเบียนไทย นำโดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งบล.พาย คาดการณ์ว่ากำไรหุ้นกลุ่มธนาคารพาณย์ก็น่าจะเติบโตได้ราว 30% QoQ ขณะที่ผลงานหุ้นกลุ่มอื่นๆ อย่าง ค้าปลีก ก็น่าจะปรับตัวดีขึ้น จากการบริโภคฟื้นตัวและการเปิดประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น หนุนดัชนีฯ ให้ปรับตัวขึ้นทะลุ 1,600 จุด
ให้แนวต้านไว้ที่ 1,620 จุด และแนวรับ 1,580 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,576.60 ล้านบาท ปิดที่ 136.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,212.07 ล้านบาท ปิดที่ 162.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,096.46 ล้านบาท ปิดที่ 105.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,982.40 ล้านบาท ปิดที่ 29.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,709.44 ล้านบาท ปิดที่ 9.95 บาท ลดลง 0.05 บาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 เม.ย. 66)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย