SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,625.27 จุด ลดลง 1.00 จุด (-0.06%) มูลค่าการซื้อขาย 105,961.36 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวแคบรอตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐและการประชุม ECB คืนนี้ แต่ได้ปัจจัยในประเทศประคองตลาดโดยมีกลุ่มท่องเที่ยว ค้าปลีก ช่วยประคองตลาด ทั้งนี้ หากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเพิ่มขึ้นกว่าตลาดมากอาจส่งให้ตลาดย่อตัวลงบ้าง ส่วนแนวโน้มในวันพรุ่งนี้ขึ้นอยู่กับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐคืนนี้ พร้อมให้แนวรับที่ 1,615 จุด แนวต้านที่ 1,635 จุด
- ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,625.27 จุด ลดลง 1.00 จุด (-0.06%) มูลค่าการซื้อขาย 105,961.36 ล้านบาท
- การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก โดยช่วงบ่ายตลาดลดช่วงบวกและลงไปแดนลบบ้าง โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,636.22 จุด และระดับต่ำสุด 1,623.57 จุด
- ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 510 หลักทรัพย์ ลดลง 1,112 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 465 หลักทรัพย์
นายวิจิตร อายะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบ sideway ตามทิศทางตลาดทั่วโลกที่รอผลกาประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI)ของสหรัฐ ในคืนนี้ ภาพระยะสั้นเป็นการแกว่งตัวรอ ขณะเดียวกันไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาด้วย
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ในประเทศที่มีโมเมมตัมการฉีดวัคซีนดีขึ้นเรื่อยๆ โดยฉีดได้วันละ 3-4 แสนโดส เป็นแรงสนับสนุนตลาด และมีการหมุนเล่นกลุ่ม Domestic play เช่น ท่องเที่ยว ค้าปลีก ช่วยพยุงตลาดได้บ้าง
แต่ตลาดก็ไปไหนได้ไม่ไกล เพราะนักลงทุนรอตัวเลขเงินเฟ้อในเดือน พ.ค.ของสหรัฐโดยคาดว่าจะออกมาเพิ่มขึ้น 4.7% จากเดือนเม.ย.ที่เพิ่มขึ้น 4.2% และจะนำไปสู่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ ขึ้นอยู่กับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ หากมีการเร่งตัวขึ้นจะส่งให้ตลาดอาจมีจังหวะถอยบ้าง เพราะกลัวว่าจะมีการปรับลดการทำ QE แต่หากตัวเลขเงินเฟ้อปรับขึ้นไม่มากกว่าที่ตลาดคาดคงไม่ได้กังวลมาก เพราะเงินเฟ้อที่ปรับขึ้นมามาจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว และสหรัฐมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ทำให้เงินเฟ้อสูงกว่าปกติ และมองว่าเงินเฟ้อหลังไตรมาส 3 น่าจะไม่สูง เพราะรัฐบาลจะไม่อัดฉีดเงินแล้ว
พร้อมให้แนวรับที่ 1,615 จุด แนวต้านที่ 1,635 จุด สำหรับวันพรุ่งนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า แม้พรุ่งนี้จะปลดล็อกเรื่องเงินเฟ้อ แต่ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมเฟด ที่จะเป็นไฮไลท์ของตลาดที่ต้องติดตามต่อไป
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 6,579.05 ล้านบาท ปิดที่ 127.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
TTA มูลค่าการซื้อขาย 2,862.95 ล้านบาท ปิดที่ 18.90 บาท เพิ่มขึ้น 1.20 บาท
RCL มูลค่าการซื้อขาย 2,763.52 ล้านบาท ปิดที่ 63.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.75 บาท
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 2,579.31 ล้านบาท ปิดที่ 22.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,406.64 ล้านบาท ปิดที่ 65.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 มิ.ย. 64)
Tags: ตลาดหุ้น, วิจิตร อายะพิศิษฐ, หุ้นไทย