ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นในวันพุธ (17 พ.ย.) ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และบวกขึ้นเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งได้ช่วยบดบังความวิตกเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เกิดจากราคาก๊าซที่พุ่งสูงขึ้น
- ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 489.95 จุด เพิ่มขึ้น 0.68 จุด หรือ +0.14%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,156.85 จุด เพิ่มขึ้น 4.25 จุด หรือ +0.06%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,251.13 จุด เพิ่มขึ้น 3.27 จุด หรือ +0.02% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,291.20 จุด ลดลง 35.77 จุด หรือ -0.49%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐซึ่งปิดบวกเมื่อวันอังคารหลังได้แรงหนุนจากยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นเกินคาด
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการที่บริษัทจดทะเบียนรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และเศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัวซึ่งได้ช่วยบดบังความวิตกเกี่ยวกับยอดติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นในยุโรปและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
ข้อมูลบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของยูโรโซนในเดือนต.ค.พุ่งขึ้นมากกว่า 2 เท่าจากระดับเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากราคาพลังงานที่พุ่งขึ้น
ราคาก๊าซในเนเธอร์แลนด์ซึ่งถือเป็นราคาอ้างอิงของยุโรป พุ่งขึ้นเกือบ 8% ในวันพุธ แตะระดับ 101.30 ยูโรต่อเมกะวัตต์-ชั่วโมง (MWh) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค.
หุ้นริชมอนท์ เจ้าของแบรนด์คาร์เทียร์ บวกขึ้น 0.6% และปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 แตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ หลังบริษัทโบรกเกอร์หลายแห่งปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้นริชมอนท์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ย. 64)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นยุโรป