หุ้นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในตลาดเอเชียร่วงลงในวันนี้ (16 เม.ย.) หลังอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ เปิดเผยว่า บริษัทต้องแบกรับค่าใช้จ่ายมากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ สืบเนื่องจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาตรการจำกัดการส่งออกชิป AI รุ่น H20 ไปยังจีนและประเทศอื่น ๆ
หุ้นแอดวานเทสต์ (Advantest) ซึ่งเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์สำหรับการทดสอบเซมิคอนดักเตอร์ ร่วงลง 5.34% ขณะที่หุ้นซอฟต์แบงก์ (SoftBank) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของญี่ปุ่นและถือหุ้นในบริษัทอาร์ม (Arm) ผู้ออกแบบชิป ปรับตัวลงกว่า 1%
ขณะที่หุ้นเอสเค ไฮนิกซ์ (SK Hynix) และหุ้นซัมซุง อิเลคโทรนิกส์ (Samsung Electronics) ซึ่งเป็นสองผู้ผลิตชิปของเกาหลีใต้ ร่วงลง 2% และ 2.47% ตามลำดับ
ส่วนหุ้นไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง จำกัด (TSMC) ซึ่งเป็นบริษัทรับจ้างผลิตชิปรายใหญ่สัญาชาติไต้หวัน ร่วงลง 1.14%
อินวิเดียเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า บริษัทต้องแบกรับค่าใช้จ่ายสูงถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์ หลังรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาตรการจำกัดการส่งออกชิป AI รุ่น H20 ไปยังจีน โดยมาตรการจำกัดการส่งออกชิป AI เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มุ่งรักษาความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะการสกัดกั้นไม่ให้จีนเข้าถึงชิปขั้นสูงที่อาจถูกนำไปพัฒนาซูเปอร์คอมพิวเตอร์
ทั้งนี้ แม้ว่าชิป H20 จะมีประสิทธิภาพการประมวลผลต่ำกว่าชิปรุ่นเรือธงอื่น ๆ ของอินวิเดีย แต่ความสามารถในการเชื่อมต่อกับหน่วยความจำและชิปอื่น ๆ ด้วยความเร็วสูง ยังคงเป็นสิ่งที่สหรัฐฯ กังวล
นอกจากนี้ H20 ถือเป็นชิปที่ทันสมัยที่สุดของอินวิเดียที่ยังสามารถวางขายในจีนได้ โดยบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนอย่างเทนเซ็นต์ (Tencent) อาลีบาบา (Alibaba) และไบต์แดนซ์ (ByteDance) ต่างเร่งสั่งซื้อชิปรุ่นนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของโมเดล AI ราคาประหยัด โดยเฉพาะจากกระแสความนิยมของสตาร์ตอัปด้าน AI อย่างดีปซีค (Deepseek)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 เม.ย. 68)
Tags: Nvidia, ชิปเซมิคอนดักเตอร์, อินวิเดีย