บรรดาหน่วยงานอุตุนิยมวิทยาต่างพากันส่งสัญญาณเตือนว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของสหรัฐจะเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัดในวันพุธนี้ (3 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนถึงวันหยุดยาวฉลองวันชาติสหรัฐ หรือวันประกาศอิสรภาพ (4 ก.ค.) โดยคลื่นความร้อนครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 110 ล้านคนใน 21 รัฐ ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ภาคตะวันตก เขตเพลนส์ตอนใต้ และแถบมิดแอตแลนติก
สำนักงานบริการสภาพอากาศแห่งชาติของสหรัฐ (NWS) ได้ออกประกาศเตือนภัยจากความร้อนในพื้นที่ดังกล่าว โดยคาดการณ์ว่าอุณหภูมิจะพุ่งสูงเกิน 38 องศาเซลเซียสในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
สำหรับเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ซึ่งปกติมีอากาศเย็นสบาย คาดว่าจะมีอุณหภูมิสูงถึง 38 องศาเซลเซียสในวันศุกร์นี้ (5 ก.ค.) ทำลายสถิติเดิม ส่วนเมืองแจ็คสัน รัฐมิสซิสซิปปี ที่ขึ้นชื่อเรื่องอากาศร้อนอยู่แล้ว อาจมีอุณหภูมิสูงถึง 46 องศาเซลเซียส
เจน สก็อตต์ ผู้จัดการร้านฮาร์ดแวร์ ชาวเมืองพอร์ตแลนด์ เล่าว่าสมัยเธอยังเด็ก “ถ้าอุณหภูมิแตะ 32 องศาเมื่อไหร่ ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่โตมาก” เพราะปกติแล้วในช่วงต้นเดือนก.ค. อุณหภูมิสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณ 27 องศาเท่านั้น
“แต่ 2-3 ปีมานี้อากาศมันร้อนขึ้นผิดปกติ แต่นี่ 38 องศาเลยนะ บ้าไปแล้ว เราไม่ชินกับอากาศแบบนี้หรอก” สก็อตต์กล่าว
สก็อตต์กล่าวอีกว่า ตอนนี้สินค้าอย่างพัดลมและเครื่องปรับอากาศในร้าน Pearl Ace Hardware ที่เธอเป็นผู้จัดการ ขายดีหมดเกลี้ยง
ด้านสำนักงานพยากรณ์อากาศประจำเมืองแจ็คสัน ได้โพสต์ข้อความเตือนผ่านเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) ว่า “อย่าลืมดื่มน้ำมาก ๆ หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องออกแรง และดูแลให้แน่ใจว่าเพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง และสัตว์เลี้ยงมีที่ที่เย็นสบายสำหรับหลบร้อน”
ส่วนทางตะวันตกเฉียงใต้ เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา คาดว่าอุณหภูมิจะสูงถึง 45 องศาเซลเซียสในวันพุธนี้ และพุ่งสูงถึง 47 องศาเซลเซียสในวันศุกร์ โดยในช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว เมืองฟีนิกซ์ต้องเผชิญกับอุณหภูมิสูงกว่า 43 องศาเซลเซียส ติดต่อกันนานถึง 54 วัน ทำลายสถิติเดิม โดยในจำนวนนี้เป็นช่วงเดือนก.ค.ถึง 31 วัน
นอกจากนี้ ความร้อนระอุประกอบกับกระแสลมแรงและความชื้นต่ำในแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ ยิ่งเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 500 นาย ที่กำลังต่อสู้กับไฟป่าที่เรียกว่า “ไฟป่าทอมป์สัน” (Thompson Fire) ซึ่งปะทุขึ้นเมื่อเช้าวันอังคารที่ผ่านมา (2 ก.ค.)
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและสื่อมวลชนรายงานว่า ไฟป่าทอมป์สันเผาผลาญพื้นที่ไปแล้วกว่า 2,000 เอเคอร์ (809 เฮกตาร์) ในเขตบัตต์เคาน์ตีและเมืองออโรวิลล์ ส่งผลให้ประชาชนราว 13,000 คนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน
ควันจากไฟป่าทอมป์สันและไฟป่าอื่น ๆ ในแคลิฟอร์เนียตอนเหนือกำลังลอยลงมาทางใต้สู่เมืองซานฟรานซิสโก ส่งผลให้ประชาชนในบริเวณอ่าวซานฟรานซิสโกกว่า 7.7 ล้านคนต้องเผชิญกับปัญหามลพิษทางอากาศ โดยทางการได้ขอความร่วมมือประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และงดจุดพลุในช่วงวันชาติสหรัฐ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ก.ค. 67)