นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล ต้องการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ให้รัฐสภาพิจารณาว่าจะเห็นชอบเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 อีกครั้ง ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ว่า จากที่ได้ศึกษาข้อกฎหมาย พบว่า นอกจากกรณีการเสนอชื่อนายกฯ ให้รัฐสภาพิจารณาจะเข้าข่ายเป็นญัตติ และตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ 41 กำหนดไว้ชัดเจนว่า ญัตติใดที่ตกไปแล้วหรือรัฐสภาไม่เห็นชอบ ห้ามนำกลับมาเสนอใหม่แล้ว ยังมีข้อความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 วรรคสอง ที่ระบุว่า กรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งนายกฯ จากบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองแจ้งไว้ ตามมาตรา 88 ซึ่งกรณีดังกล่าว ตนมองว่าแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคนั้นๆ ทำได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ถือว่าหมดสิทธิเสนออีก และต้องพิจารณาแคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองอื่นที่มีสิทธิต่อไป
ส่วนความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 วรรคสอง ใช้กรณีเพื่อไม่ให้การเมืองเกิดทางตันกรณีแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองไม่ถูกยอมรับ จึงต้องหาคนนอกบัญชีนั้น นายเสรี กล่าวว่า ต้องดูให้ดี เพราะคำว่า “ไม่อาจแต่งตั้ง” หมายถึงว่าการเสนอมาแล้วรอบแรก แต่รัฐสภาไม่เห็นชอบ เท่ากับว่าไม่อาจแต่งตั้งได้ ซึ่งกรณีดังกล่าวสอดรับกับข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 41 ที่เสนอญัตติซ้ำไม่ได้ ดังนั้นไม่ใช่โหวตแพ้แล้วจะเสนอให้มาโหวตอีก แบบนี้เลือกนายกฯ ไม่ผ่าน ก็ไม่จบ
“หากฝืนจะทำได้ จะให้โหวตซ้ำ ระวังจะมีผู้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญว่าทำผิดรัฐธรรมนูญ ไม่ว่ารอบ 2 คุณจะชนะหรือแพ้ แต่ไม่ถึงขั้นที่ ส.ว.จะพิจารณาไปถึงระดับนั้น” นายเสรี กล่าว
ส่วนข้อบังคับ ข้อ 41 ที่กำหนดให้นำญัตติกลับมาโหวตซ้ำได้ หากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป หากมีกรณีที่เสนอชื่อแข่งกับนายพิธา จะเรียกว่าเหตุเปลี่ยนแปลงหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ไม่ได้แล้ว เพราะบัญชีแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคก้าวไกล ถูกวินิจฉัยไปแล้ว ดังนั้นจากนี้พรรคเพื่อไทยคือพรรคที่ได้รับโอกาส แต่หากพรรคเพื่อไทยยังรวมกับพรรคก้าวไกล หรือให้พรรคก้าวไกลอยู่ใน 8 พรรคร่วม ก็คาดว่าที่ประชุมรัฐสภาจะไม่เห็นด้วย หากแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยไม่ได้รับเสียงเห็นชอบ ชื่อนั้นจะเสียไป แต่พรรคเพื่อไทยยังมีโอกาสอยู่ เพราะมีแคนดิเดตนายกฯ ถึง 3 คน
ทั้งนี้ ในข้อบังคับการประชุมที่ให้ประธานรัฐสภาตัดสินใจนั้น นายเสรี กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวอยู่ที่มติของสภาฯ การประชุมโหวตนายกฯ รอบ 2 อาจมีประเด็นให้เกิดกรณีอภิปรายเรื่องหลักการ และข้อบังคับการประชุมได้ แต่สุดท้ายจะสรุปอย่างไรนั้น ต้องขึ้นอยู่กับมติที่ประชุม ซึ่งอาจจะมีคนเสนอให้โหวตหรือไม่ก็ได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ค. 66)
Tags: พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, เสรี สุวรรณภานนท์, โหวตนายก