นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า จากการที่ร้านอาหารบางส่วนประท้วงมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ จัดแคมเปญให้ร้านอาหารร่วมลงชื่อเพื่อเปิดให้ลูกค้านั่งทานอาหารในร้านได้นั้น ทางหัวหน้ากลุ่มประท้วงเคยเข้ามาที่สมาคมเพื่อขอรายชื่อร้านอาหารที่ต้องการร่วมแคมเปญ แต่กลุ่มสมาชิกในสมาคมได้ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมแคมเปญดังกล่าว เนื่องจากไม่ใช่แนวทางที่ทางสมาคมเคยปฏิบัติมา
อย่างไรก็ตามทางหัวหน้ากลุ่มที่ทำการประท้วงบอกว่าตนเองเป็นเจ้าของร้านอาหาร และนักเคลื่อนไหว ทางสมาคมจึงเกรงว่าจะไม่ได้เป็นเพียงการเรียกร้องเพื่อร้านอาหาร แต่อาจเป็นประเด็นทางการเมือง ทางสมาคมจึงปฏิเสธการเข้าร่วมในครั้งนี้ โดยเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 64 ที่ผ่านมามีผู้ลงทะเบียนในแบบฟอร์มแล้วประมาณ 78 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านที่เปิดช่วงกลางคืน โดยเฉพาะร้านอาหากึ่งผับ
ทั้งนี้ สมาคมทราบว่าตอนนี้ธุรกิจร้านอาหารทุกภาคส่วนกำลังได้รับความเดือดร้อน และตั้งตัวไม่ทันกับการตัดสินใจของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องของรายได้ที่หายไปจากการห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้าน แต่ขณะเดียวกันธุรกิจอื่นๆ เอง เช่นธุรกิจนวด สปา และท่องเที่ยว ก็ยังไม่ได้รับการเยียวยาจากทางภาครัฐเช่นกัน ทางสมาคมจึงไม่อยากเรียกร้องจากรัฐอยู่เพียงฝ่ายเดียว
นางฐนิวรรณ มองว่า นายกรัฐมนตรี และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รับรู้ถึงความเดือดร้อนของประชาชนทุกภาคส่วนแล้ว แต่ด้วยปัญหาทางสาธารณสุขซึ่งเป็นประเด็นใหญ่ จึงควรต้องได้รับการแก้ไขก่อนภาคส่วนอื่นๆ อย่างไรก็ตามมาตรการการเยียวยาของทางภาครัฐยังไม่ครอบคลุมความเดือดร้อน จึงควรมีมาตรการสนับสนุนให้แก่บุคคลที่ยังเข้าไม่ถึงสินเชื่อ และควรทบทวนเรื่องการช่วยลดค่าเช่าอีกครั้ง
นอกจากนี้ สมาคมยังอยู่ระหว่างการเรียกร้องงบประมาณสนับสนุนจากทางภาครัฐจำนวน 300 ล้านบาทเพื่อนำมาเฉลี่ยให้แก่ร้านอาหารต่างๆ กระจายสั่งข้าวกล่องสำหรับช่วยเหลือชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อน แคมป์คนงาน โรงงาน รวมถึงประชาชนที่ตกงาน ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือร้านอาหารให้มีรายได้ในการจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ โดยในหนึ่งวันหากแต่ละร้านแจกข้าวกล่องประมาณ 200 กล่องก็จะใช้เงินประมาณวันละ 10,000 บาท
ในขณะเดียวกันในวันที่ 1 ก.ค. 64 โครงการคนละครึ่งจะเริ่มปล่อยเงินเข้าสู่ระบบแก่ผู้ใช้สิทธิกว่า 31 ล้านคน คาดว่าจะเห็นประชาชนจับจ่ายใช้สอยสั่งอาหารมากขึ้น โดยธุรกิจร้านอาหารขนาดเล็กจะได้รับประโยชน์จากโครงการนี้โดยตรง พร้อมกันนี้ทางสมาคมก็ยังอยู่ระหว่างการเสนอให้โครงการคนละครึ่งสามารถใช้ร่วมกับการจัดส่งแบบเดลิเวอลี่ได้แบบสะดวกยิ่งขึ้น
แต่ร้านอาหารขนาดกลางที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งก็จะเป็นส่วนที่ไม่ได้รับการเยียวยา ทางสมาคมจึงทำการยื่นเรื่องขอผ่อนปรนวงเงินสินเชื่อพิเศษสำหรับผู้เสียภาษีเหมาจ่าย และนิติบุคคลรายละ 100,000-500,000 บาท เพื่อช่วยเหลือร้านขนาดกลาง
ปัจจุบันทุกภาคส่วนมีความเห็นใจธุรกิจร้านอาหารที่ได้รับประกาศไม่ให้นั่งทานอาหารในร้านแบบกระทันหัน หลังจากที่ร้านอาหารเพิ่งจะผ่อนคลายมาตรการ 50% สามารถนั่งทานอาหารในร้านได้ถึงเวลา 23.00 น. มาได้แค่ 5-6 วันเท่านั้น ทางด้านโรงพยาบาลเองก็มีส่วนช่วยร้านอาหาร โดยสามารถให้ร้านอาหารจัดทำอาหารส่งให้แก่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่กักตัวอยู่บ้าน
ด้านนางสาวประภัสสร รังสิโรจน์ นายกสมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด กล่าวว่า ในช่วงวิกฤติเช่นนี้อยากให้ทุกคนให้ความร่วมมือและปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้ การฝืนเปิดให้นั่งทานอาหารในร้านอาจทำให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่ได้ ถึงแม้ว่าร้านอาหารจะได้ประโยชน์ แต่อาจจะไม่ได้รับรายได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากทางลูกค้าที่มาใช้บริการยังคงมีความกังวลเรื่องการระบาด จึงอาจมีจำนวนลูกค้าไม่มากเท่าที่ควร
ในส่วนของสมาคมฯ ทุกคนขานรับนโยบายจากทางภาครัฐ และร่วมมือในการปฏิบัติตามในทางเดียวกัน ทั้งนี้หากมีการฝืนเปิดร้านอาหารให้นั่งรับประทานอาหารจนเกิดคลัสเตอร์ใหญ่ขึ้นมา ประเทศไทยอาจไม่มีความสามารถรองรับการระบาดระลอกใหม่ได้ จากปัจจุบันที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้นมากจนสาธารณสุขเริ่มประสบปัญหาในการรองรับผู้ป่วยแล้ว
ส่วนมาตราการเยียวยาของรัฐบาลทั้งโครงการคนละครึ่ง และ ม.33 เป็นแรงจูงใจให้ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยได้บ้าง รวมถึงมาตรการเยียวยาลูกจ้างและนายจ้างใน 6 จังหวัดก็จะช่วยได้บางส่วน แต่แนะนำให้รัฐบาลช่วยเรื่องการลดค่าน้ำค่าไฟแก่ธุรกิจร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบ และการหยุดอัตราดอกเบี้ยชั่วคราวเพื่อช่วยเหลือประชาชน นอกจากนี้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหารอย่างบริการเดลิเวอรี่เองก็ควรมีการพูดคุยเรื่องการลดอัตราส่วนในการหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ด้วย
“หลังจากนี้จะมีการสั่งปิดร้านอาหารเพิ่มอีกหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ติดเชื้อ การกระจายวัคซีน และความร่วมมือระหว่างประชาชน อย่างไรก็ตามหากตัวเลขผู้ติดเชื้อยังสูงขึ้นเรื่อยๆ ประเทศไทยอาจเห็นการล็อกดาวน์ทั้งประเทศเช่นเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านก็ได้”
นางสาวประภัสสร กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 มิ.ย. 64)
Tags: คนละครึ่ง, ฐนิวรรณ กุลมงคล, นายกรัฐมนตรี, ประภัสสร รังสิโรจน์, มาตรการกึ่งล็อกดาวน์, รัฐบาล, ร้านอาหาร, ศบค., สตรีทฟู้ด, สมาคมภัตตาคารไทย, เยียวยา